ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใครไปก็น่าจะหลงรัก และเราก็เช่นกัน
แต่เราก็ไม่เคยคิดหรอกนะว่าจะได้ไปญี่ปุ่นถึง 3 ครั้งในรอบ 1 ปี
จากตอนกลางแถวคันโต มาเกาะคิวชู
และครั้งนี้ ภูมิภาคคันไซ
DAY 01 : OSAKA
สนามบินนานาชาติคันไซ โอซาก้า
เครื่องบินของ ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ เที่ยวบิน XJ 610 ลงจอดบนสนามบินคันไซเวลา 22.40 น.
เรียกได้ว่าเป็นเวลาที่ไม่ค่อยดีเลย นอกจากจะลงเครื่องดึกแล้ว รถไฟซึ่งเป็นยานพาหนะที่เรียกว่าแทบจะสะดวกสบายที่สุดในญี่ปุ่น ออกจากสนามบินเที่ยวสุดท้ายคือ 23.40 น.
แต่ถ้าไม่โอ้เอ้ เอ้อระเหย ลอยชายแล้วละก็ เราก็สามารถมาทันเที่ยวรองสุดท้ายคือรอบ 23.29 น.นะ
ซึ่งจะใช้เวลาเดินทาง 41 นาทีถึงสถานี Shinimamiya อันเป็นจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้
Hotel Raizan ถ่ายตอนเช้า |
ถูกเลือกมากจากโรงแรมจำนวนมากมายด้วยคุณสมบัติ
- ราคาถูก
- มีห้องส่วนตัวให้
- มีห้องสำหรับ 3 คน
ห้อง 3 คน สำหรับ 3 คืน รวม 20,700 เยน หรือประมาณคืนละ 690 บาท/คน/คืน
ส่วนห้องเดี่ยวก็ตกคืนละ 2,200 เยน หรือราวๆ 660 บาท/คืน
มีสุขาในแต่ละชั้น และห้องอาบน้ำอยู่ชั้น 1
ส่วนนี่คือห้องของเรา ห้องพักแบบญี่ปุ่นขนาดพอดีกับฟูก 3 หลังเป๊ะๆ ห้อง 821
ส่วนนี่คือห้องนอนแบบตะวันตก ขนาดเตียงเดี่ยว เลขห้องที่ออกคือห้อง 823
กว่าจะมาถึงโรงแรมก็เกือบๆ ตี 1 แต่ก็ยังสู้อุตส่าห์ฝ่าฝนตกปรอยๆ เพื่อไป Lawson หาอะไรกินอีก
กว่าจะได้นอนก็ตี 2 กว่าๆ และต้องตื่นกันแต่เช้า เพราะพรุ่งนี้โปรแกรมเที่ยวเองรอเราอยู่
DAY 02: OSAKA - KOBE
มีการเปลี่ยนแผนการนิดหน่อย เพราะเช้านี้ฝนตก
จากเดิมที่วันนี้จะไปเกียวโต เลยเปลี่ยนมาเป็นโอซาก้ากับโกเบแทน
การเดินทางครั้งนี้ใช้แต่บัตรเติมเงิน ICOCA กับ ซื้อบัตรเป็นรายเที่ยวเอา
มาถึงหน้าปราสาทโอซาก้าก็มีเรื่องให้ตื่นเต้น เพราะมีทั้งรถดับเพลิง และรถตำรวจวิ่งเข้าปราสาทเต็มไปหมด
ตอนแรกนึกว่าซ้อมดับเพลิง แต่ได้ความจากคุณลุง (แน่นอนว่าคนนึงคุยญี่ปุ่น อีกคนคุยภาษาอังกฤษ) มีคนแอบสูบบุหรี่ในห้องน้ำ สัญญาณเตือนภัยเลยดังไปที่สถานีดับเพลิง ทั้งรถดับเพลิงและรถตำรวจเลยรีบมาที่นี่กันเลย
ปราสาทโอซาก้าในวันที่ฝนตก คนก็ยังเยอะอยู่ดี
ถ้าเลือกชมรอบๆ ปราสาทก็ไม่เสียค่าเข้า แต่ถ้าจะเข้าชมตัวปราสาทด้วยก็ต้องเสียค่าตั๋ว 600 เยน
ซื้อตั๋วได้จากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติหน้าทางเข้าปราสาทเลย ไฮเทคมากๆ
#ญี่ปุ่นนี่มันญี่ปุ่นจริงๆ
ด้านบนสุดชั้น 8 เป็นจุดชมวิว
กับซาชิ หรือปลามังกรสีทองที่เชื่อว่าจะป้องกันปราสาทไม่ให้เกิดไฟไหม้ เห็นได้แทบทุกปราสาท
ส่วนชั้นอื่นๆ เป็นการแสดงสิ่งของเก่า และประวัติของปราสาทโอซาก้า
การนำเสนอเป็นภาษาญี่ปุ่นเสีย 90%
ตอนแรกตั้งใจว่าจะใช้เวลาที่นี่แค่ 1 ชั่วโมง แต่เอาเข้าจริงก็เกือบ 3 ชม.ได้
คงมัวแต่แวะถ่ายรูปดูนั่น นู่น นี่ไปเรื่อยๆ
ออกจากปราสาทโอซาก้าก็เดินทางไปโกเบต่อ
ไปโกเบ ลงสถานี Sannomiya แล้วก็กูเกิ้ลแมพพาไปร้านเนื้อเลย
ตอนแรกจะไป steak land แต่ที่จริงแล้วแถวนี้มีร้านสเต๊กเยอะมาก
ร้าน steak land คนต่อแถวเยอะมากจริงๆ
แล้วเราก็คิดกันว่า มันต้องมีแต่คนไทยแน่เลย เพราะทุกคนต้องใช้ไกด์บุ๊คเล่มเดียวกับเรา
จู่ๆ ก็เกิดอาการอินดี้กัน ไม่กินร้าน steak land ค่ะ
ไปกินร้านเนื้อโกเบร้านอื่น ที่มีคนยืนเชียร์แขกหล่อดีกว่าค่ะ
ร้าน YAZAWA คือร้านที่เราเลือกแล้วว่า พนง.หล่อ และดี ฮ่าๆ
และเมื่อชิมเนื้อแล้วก็ไม่ผิดหวัง เราอาจจะไม่ได้นั่งเห็นพ่อครัวย่างกันสดๆ แต่พอมาคิดดูแล้วก็โอเคนะ
เราไม่ชอบกลิ่นเนื้อที่ติดตัวเลย แต่พนง.หล่อนั้นติดตา
ส่วนความอร่อยของเนื้อนั้น อร่อยดี ไม่เสียใจและเสียดายเงิน
กินอิ่ม เพื่อนบอกไม่สนใจอะไรในโกเบแล้ว กินเนื้อโกเบแล้ว ตายตาหลับแล้ว ฮ่าๆ
งั้นเรากลับไปโอซาก้า ไปหากูลิโกะแมนกัน
การถ่ายรูปกับกูลิโกะแมนนี่ก็เป็นความยากลำบากอีกอย่างนึง
นั่นก็เพราะว่า พอป้ายชัดหน้าเราก็มืด พอถ่ายให้เห็นหน้าเราชัด เราก็ไม่เห็นป้ายอีก ว้า...แย่จัง
เราก็พยายามมาได้สูงสุดเท่านี้แหละ
แถวนี้มีทั้งของกินแล้วก็เป็นแหล่งช๊อปปิ้งของฝาก เดินเล่นได้เลย
คุณตัวตลกตีกลองชื่อ Kuidaore Taro ตีกลองมาตั้งแต่ปี 1950
คือชอบอ่ะ ดูตลกดี
ส่วนอันนี้คุณจอยเพื่อนร่วมทริป
มาถึงนี่ก็ลองกินทาโกยากิกับโอคาโนมิยากิ
เจอร้านหอยย่างด้วย อร่อยมาก
และเจ้าคุณพ่อเจ้าคุณแม่สอนมาดี กินคาวแล้วต้องตามด้วยหวาน
ค่ำคืนนี้จึงปิดท้ายด้วยไอติมกูลิโกะ
สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
おやすみなさい.
ดีงาม ~~ จบการบรีฟทริปแบบ 1 วัน 1 คืน
ตอบลบสงสัยจะต้องย้ายบล็อกมานี่บ้างละ
มาอ่านตอนนี้เเล้วอยากกินไอติมอีก
ตอบลบฮิๆ