วันเสาร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2558

ของอร่อยในคอนบินิ (ภาค2)


ครั้งที่ 2 สำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่น
ก็ยังคงยึดร้านสะดวกซื้อเป็นฐานที่มั่นเหมือนเดิม

มาครั้งนี้ขอลองชิมขนมใหม่ๆ บ้าง
ข้าพเจ้าก็ยังยืนยันว่าของกินที่นี่อร่อยแทบจะทุกอย่าง
(จะมีไม่ถูกปากเราบ้างก็แกล้งทำเป็นลืมๆ ไปเหอะ)

ทั้งหมดทั้งมวลรวมอยู่ในบล๊อกนี้แล้ว

จากครั้งที่แล้วได้ลองน้ำพีช Nectar มาแล้ว
คราวนี้ขอนำเสนอ นมพีชของ Calpis


เป็นนมเปรี้ยวรสพีช หอมพีชอร่อยมาก (อีกแล้ว)
ผลิตภัณฑ์รสพีชนี่อร่อยแทบทุกอย่างเลยแฮะ

แต่ถ้าหากว่าการดื่มน้ำพีช 
หรือนมพีชอาจไม่เพียงพอสำหรับชาวพีชเลิฟเว่อร์

เราขอเสนอ
เยลลี่ที่ผสมผลพีชลงไปทั้งผล! (แม้จะลูกเล็กก็เหอะ)



พอเปิดออกมาก็จะเป็นพีชลูกเล็กๆ 1 ลูก
เราอยากแนะนำให้ทุกคนที่มีโอกาสได้ลอง

ยาคูลท์


ขวดนี้เป็นยาคูลท์ที่เรารู้จักกันดี แต่เป็นแบบร้อน
ขวดใหญ่มาก (เมื่อเทียบกับขนาดกะจิ๊ดริ๊ดที่บ้านเรา)
กินทีถึงขั้นจุก แถมยังเป็นแบบร้อนกินหมดขวดนี่ แอบเลี่ยนเบาๆ
(ถ้าอยากลองชิม ก็เอายาคูลท์บ้านเราไปต้มก็ได้
 รสเดียวกัน แต่จุลินทรีย์และแลตโตบาซิสลัสคงจะตายหมด)

ต่อไปยังคงอยู่ในซีรีย์ของยาคูลท์
มันคือพุดดิ้งยาคูลท์!

รสชาติยังคงเป็นยาคูลท์ที่เราคุ้นเคย
แต่มาในรูปแบบสัมผัสแบบพุดดิ้ง เด้งๆ ดึ๋งๆ เนื้อเนียนนุ่ม
สาวกยาคูลท์ต้องลอง!


MATCHA AU LAIT


ลองชิมชาเขียวมัชฉะยี่ห้อนี้ดูบ้าง
รสอ่อนๆ จางๆ ไม่ค่อยเข้มข้น
รสชาติยังไม่นัวนมเท่ากับ Starbucks หรือกลมกล่อมแบบ Lipton
แถมราคาก็พอๆ กันด้วย

Lipton Milk Tea

ชาไทยเวอร์ชั่นญี่ปุ่น


อารมณ์ชาไทยใส่นมเยอะๆ 
กล่องนึงก็ครึ่งลิตร
กินกันให้คิดถึงบ้านเกิดกันเลย

ถามว่าอร่อยมั้ย ก็อร่อยแหละ
แต่ไม่รู้สึกชอบอะไรเป็นพิเศษ 
คือมาหากินแถวบ้านเราก็ได้


Minute Maid
น้ำส้มยูสุแบบร้อน


เลือกขวดนี้มาจากตู้กดเพราะอยากดื่มอะไรอุ่นๆ
อุ่นน่ะอุ่นจริง แต่รสเปรี๊ยวจี๊ด

Minute Maid
Pink Grapefruit Blend

ขอนิยามว่าเป็นน้ำเปลือกส้มโอ
รสขมแบบผสมเปลือกส้มลงไปด้วย
ไม่ค่อยโอนะเราว่า

น้ำกล้วย Glico


พอเห็นในคอนบินิก็ออกตัวพุ่งไปหยิบก่อนเลย
นึกว่าจะอารมณ์แบบนมกล้วยปั่น

ความจริงมันคือ น้ำกล้วยปั่นแบบเข้มข้นเลยจ๊ะ
เข้มและข้นเกินไปนิดสำหรับเรานะ
ถ้าอยากกินก็เอากล้วยบ้านเราไปปั่นเพียวๆ เลย
รสเหมือนกันเปี๊ยบ
(แต่กินแบบเป็นลูกน่าจะอร่อยกว่านะ)

7-11 STRAWBERRY


อันนี้ซื้อมาเพราะเข้าใจว่าเป็นน้ำสตรอเบอรี่ไง
ความจริงมันคือโยเกิร์ตรสสตรอเบอรี่ต่างหาก
(มีหลอดให้ดูดด้วย)
รสชาติแบบโยเกิร์ตสตรอเบอรี่ธรรมดา

นมสด meiji


เป็นนมสดที่อร่อยมากสำหรับเรานะ
คนที่ติดนมควรลองสักครั้ง
อร่อยจริงจังเลยทีเดียว


ผักดอง

ตัวอย่างของผักดองที่อร่อยมาก

อย่าคิดว่ามันเป็นแค่ผักแล้วเราจะมองข้าม
เป็นอันรู้กันว่าพืชผักที่ญี่ปุ่นแพงมาก ผักที่แถมมากับอาหารก็นิดเดียว
พอกินเนื้อมากๆ เข้าชักเริ่มโหยหาไฟเบอร์

เกริ่นมายืดยาว ความจริงคือ
ผักดองอร่อยมากกกกกก
แต่ก็ไม่ใช่ทุกยี่ห้อที่จะอร่อยนะ บางอันก็ไม่ได้เรื่องเลย
ขอให้พวกท่านจงวัดดวงเอาเองเถิด

ข้าวปั้น Family Mart

ที่ญี่ปุ่นข้าวปั้นเป็นอะไรที่หาได้ง่ายมาก
พกก็สะดวก เหมาะสำหรับติดกระเป๋าไว้สำรองยามหิวมาก

แต่ถ้าไปญี่ปุ่นแล้วโหยหารสชาติข้าวผัดแบบไทยสไตล์
ให้มองหาข้าวปั้นหน้าตาแบบนี้ในแฟมิลี่มาร์ท

ข้าวมันจะไม่ได้เหนียวเหมือนข้าวปั้นทั่วไปนะ
แต่จะร่วนเหมือนข้าวผัดเลย
สรุปว่ามันก็คือข้าวผัดอัดก้อนสะดวกกินนี่แหละ
(ปล. ระวังข้าวหกหล่นระหว่างกิน)

นมข้นหวานแบบหลอด


นมข้นหวานแบบหลอดเจ้าดังที่นิยมมากินกับสตรอเบอรี่
(แต่เราว่ากินสตรอเบอรี่เพียวๆ อร่อยกว่า)
ถ้าซื้อร้านผลไม้จะแพงกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไป

เมล่อนปัง Family Mart

ขนมปังก้อนใหญ่ เห็นในการ์ตูนกินกันเยอะ
รสชาติจริงๆ คือหวานมาก
แล้วเนื้อขนมปังก็แข็งๆ
ขนมปังกลมๆ โรยไอซิ่งบ้านเราอร่อยกว่าอ่ะ

Jagabee Calbee

ยี่ห้อนี้มีหลายรสชาติมาก
อย่างรูปนี้รสทางขวามือจะออกหวานไม่ค่อยอร่อย

รส Sweet Potato

รสนี้ก็จะหวานๆ หน่อย
บางคนอาจจะไม่ชอบ (เราก็ไม่ค่อยชอบ)
แต่ Jagabee นี่มีหลายรสมาก ควรลองให้ครบทุกรส
ราคามีตั้งแต่ 90-150¥
ถ้าซื้อตามร้านขายยาจะได้ราคาถูกกว่าในคอนบินิ

ป๊อปคอร์นคาราเมล ยี่ห้อ 7-11


อร่อยดี ไม่หวานมาก
รสอ่อนๆ หน่อยกินได้เรื่อยๆ

ป๊อบคอร์น คาราเมล อีกยี่ห้อ
หาซื้อได้จากร้าน Daiso ราคา 108 เยน (รวมภาษีแล้ว)

อันนี้รสก็จะจืดๆ จางๆ ไม่หวาน ไม่เข้มข้น
ควรเอาคำว่าคาราเมลออกไปนะเนี่ย

ไดฟุกุสอดไส้ครีมและสตรอเบอรี่

เราเรียกว่าไดฟุกุ แต่ที่จริงมันคืออะไรไม่รู้
ด้านในจะเป็นสตรอเบอรี่หุ้มด้วยครีมและห่อด้วยแป้งบางๆ
อร่อยมากจ้า
(อ้วนด้วยมากๆ จ้า)


ขนมตรา Oshio


ยี่ห้อนี้มีหลายผลิตภัณฑ์มาก
ซองจะสีฟ้าๆ หาซื้อได้จากร้าน Daiso
เราเจอจากไดโซะ สาขาสถานีฮากาตะที่ฟุกุโอกะ
ราคาห่อละ 108 เยน
เราลองซื้อทาโร่ชีสมา อร่อยดี
ส่วนปลาหมึกซื้อมาฝากพี่ เค้าก็บอกว่าอร่อยดี
เหมาะสำหรับซื้อมาเป็นกับแกล้ม

วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

KYUSHU DIARY (3.2)



เดินออกจากสวนน้ำก็ไปต่อยังสวนลิง Takasakiyama Monkey Park

ก่อนไปถึงก็จะเห็นสต๊าฟชุดเหลืองคอยต้อนไม่ให้ลิงออกมานอกเขตภูเขา

ไปถึงก็ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่
จนท.จะถามว่าจะไปดงลิงยังไง

วิธีไปดงลิงมี 2 ทางคือ
1) เดินขึ้นไป (ไม่ไกลมาก) 
2) นั่งเคเบิ้ลคาร์เพิ่มอีกราวๆ 200 ¥ มั้ง (หลังๆ นี่ลืมจด)
จะเป็นตั๋วแบบไป-กลับ

เราเลือกแบบที่ 2 สิ



นั่งไปแค่นิดเดียวก็ถึงสวนด้านบน
ออกมาจากเคเบิ้ลคาร์
มีเสียงลิงกัดกันต้อนรับทันที
(เริ่มกลัวลิงชิงของเหมือนลิงเพชรบุรี)



อากาศก็หนาว
ลิงกอดกันกลมเลย 



พอเดินไปสักพัก
ดงลิงสะอาดมาก
 เพราะพอลิงอึปุ๊บ จะมีคุณลุงคุณป้าราว 2-3 คนพุ่งตัวมาจัดการทันที



ลิงก็เรียบร้อย อยู่ในโซนของตัวเอง ไม่วุ่นวายกับนักท่องเที่ยว
ทั้งๆ ที่ไม่ได้ขังกรง



ดูเชื่องขนาดมานั่งอยู่ด้านหน้าเรานิ่งๆ ไม่กลัวเลย



แล้วเจ้าหน้าที่ก็เรียกเราไปรวมกัน
ให้ความรู้แบบฮาๆ


(คือคนญี่ปุ่นอ่ะฮา ส่วนเราอ่ะฟังไม่ออก)



เป็นการบรรยายที่นานมาก
จนเราต้องขอตัวลงมาก่อน
ขนาดมาก่อนยังพลาดรอบรถไป 2 นาที
ต้องยืนท่ามกลางลมหนาวอีกร่วมครึ่งชัวโมง

นั่งรถไปลงหน้าป้ายxxxx

ทีนี้ต้องนั่งรถเมล์ต่อไปยังแถวบ่อน้ำพุนรก
ตอนนั้นก็ 2 โมงกว่าแล้ว
เรากลัวว่าถ้ารอรถบัส บ่อน้ำพุจะปิดเสียก่อน
เลยนั่งแท๊กซี่ญี่ปุ่นไปเลย

ได้ข่าวมาว่าแท๊กซี่ญี่ปุ่นแพงมาก
เรานั่งไปจนถึงโซนน้ำพุร้อนราวๆ 10 นาที
หมดไป 2,000 เยน
ก็ยังเป็นราคาที่รับได้ (ราวๆ ราเมง 3 ถ้วย)

ถ้ามาจากสถานีรถไฟก็ไม่น่าจะเกิน 3,000¥
ดังนั้นถ้ามาสัก 3-4 คนนั่งแท๊กซี่ก็น่าจะดีกว่านะ
เพราะถ้านั่งรถเมล์ก็ราวๆ 570¥ เข้าไปแล้ว 
ไม่ต้องรอรถด้วย

โซนนี้มีอยู่ด้วยกัน 6 บ่อ
ค่าชมบ่อละ   400¥
ตั๋วรวม 8 บ่อราคา 2,100¥ 
ถ้าจะชมเป็นบางบ่อก็ซื้อแยกดีกว่า 
บ่อที่สวยๆ ก็มีนะ
แต่บ่อที่แบบง่อยๆ ก็มี
บ่อทั้งหมดทั้งมวลคือดูได้อย่างเดียว
เพราะอุณหภูมิสูงมาก
แต่ก็มีบางจุดที่เค้าทำเอาไว้ให้แช่น้ำด้วยนะ

ถ้าอยากแช่เท้า มาแช่ฟรีที่บ่อโคลนดูสะอาดกว่านะ






หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสกลับสถานีเบปปุ
จำเลขรถไม่ได้แฮะ อาศัยว่าคนเยอะก็ขึ้นตามเลย

รถไฟวิ่งตรงไปฟุกุโอกะมีไม่บ่อยเลยต้องรอที่สถานีนานพอสมควร
ที่สถานีก็มีร้านของฝาก มีแฟมิลี่มาร์ทให้หาอะไรรองท้อง
รึจะฝากท้องกับร้านอาหารเลยก็ได้

รถไฟกลับฟุกุโอกะเป็น Sonic
ความน่ารักของมันคือ เวลาเรานั่งพิงเบาะ
จะดูเหมือนว่าเรามีหูเป็นมิกกี้งอกออกมาล่ะ!



ที่จริงก็ยังเหลือวันเที่ยวอีก 3 วันในคิวชู
แต่หลังจากกลับจากเบปปุคืนนั้นตัวร้อนมาก
เลยพักรายการเที่ยวทุกอย่าง (เหลือแต่ช๊อปปิ้ง)

วันต่อมาเลยไป Tosu Premium Outlet 


ส่วนอีกวันก็เดินเล่นแถวฮากาตะ
ซื้อของฝากก่อนกลับ
เพราะว่าอีกวัน Jet star มีบินตอนเช้า

ขาไปสนามบินเราเลือกนั่งแท็กซี่
จะได้ไม่ต้องแบบกระเป๋า 2-3 ใบขึ้น-ลงรถไฟต่อรถบัสอีก

อีกอย่าง สนามบินฟุกุโอกะใกล้เมืองมาก
จากสถานี Gion ไปถึงสนามบินเสียค่ารถไปแค่ 2000 เยน
ใช้เวลาราวๆ 10-15 นาทีแค่นั้นเอง
นับเป็นอีกตัวเลือกนึงที่คุ้มนะ



เคาร์เตอร์เจทสตาร์จะเปิดก่อนแค่ 2 ชั่วโมง
ไปถึงก่อนก็ต้องรอ
 เราไปถึงช่วง 8 โมงเริ่มต่อคิวรอกันแล้ว



ไปถึงราวๆ 8 โมงก็ดีจะได้คิวต้นๆ 
มีเวลาไปเดินเล่นด้านใน
ในสนามบินฟุกุโอกะมีดิวตี้ฟรีเล็กๆ 
พอมีร้านขายขนมของฝากบ้าง
แต่ขนมที่ดังๆ บางอย่างก็หมด
ทางที่ดีถ้าเจอข้างนอกก็ซื้อไว้ก่อนก็ได้

จากนี้ก็บินอีกราวๆ 5-6 ชั่วโมง
บนเครื่องไม่มีอะไรเลย 
เตรียมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากันเองนะ

สรุปทริปคิวชู
..คิวชูหนาวมาก... หนาวเกินไปสำหรับลิงเขตร้อนอย่างเรา
 3 วันสุดท้ายก็เลยป่วย
ทริปเลยจบไม่สวย
คราวหน้าต้องมีแก้มือที่คิวชูแน่ๆ !



วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

KYUSHU DIARY (3.1)

BEPPU

ตามกำหนดการเดิมวันที่ 3 เราจะไปชมบ่อน้ำพุนรกในเบปปุกัน

แต่คืนก่อนหน้านั้น
เปิดดูทีวีของญี่ปุ่น (ทั้งที่ฟังไม่ออก)

เป็นสารคดีเกี่ยวกับการช่วยเหลือแมวน้ำที่บาดเจ็บ
เอามาดูแลแล้วปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติ

แมวน้ำชื่อนัตสึคุงน่ารักดี

เจ้าตัวนี้ไม่ใช่นัตสึคุงนะ


เลยบอกแฟนว่า ที่เบปปุมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำนะ

เลยเปลี่ยนแผนไปอะควาเรี่ยมก่อนค่อยไปดูบ่อน้ำพุร้อน
คราวนี้ที่น่าเป็นห่วงคือจะไปเจ้าพิพิธภัณฑ์นี้ยังไงเนี่ยแหละ

พอไปถึงสถานี Beppu ก็พุ่งตรงไปตรงที่ tourist information ก่อน
จะมีช่องสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่
เจ้าหน้าที่พูดอังกฤษระดับเทพ (จนเรางี้ตามไม่ทัน ฮ่าๆ)

บอกความต้องการไปว่า เราอยากจะไป Umitamago Aqurium
เจ้าหน้าที่ก็ให้ซื้อตั๋วรวมแพ็กเกจ
ประกอบไปด้วยตั๋วรถไปกลับ+ค่าเข้าอะควาเรี่ยม+สวนลิงมาด้วยเลย
ราคา 2,260 ¥

แพ็กเกจรวมตั๋วรถไป-กลับ, ตั๋วอะควาเรี่ยม และตั๋วเข้าชมสวนลิง

ใจจริงเราไม่ได้อยากไปสวนลิงนะ แต่เกรงใจภาษาอังกฤษระดับเทพของเจ้าหน้าที่
คือจะบอกว่าไม่เอาสวนลิงจะมีการต่อความยาว ยิ่งพูด (เรา)ก็จะยิ่งงง
เลยเอาแพ็กเกจนี้ก็ได้อ่ะ
(ที่จริงแพ็กเกจนี้ก็เป็นราคาเท่ากับค่ารถ+ค่าเข้าอะควาเรี่ยม และแถมสวนลิงแหละนะ)



ส่วนทางไปอะควาเรี่ยมก็คือ
เดินออกจากสถานี เลี้ยวขวา  รอรถประจำทางที่ป้ายรถเมล์ที่ 2

มีป้ายโฆษณาอูมิทามะโกอะควาเรี่ยมอยู่ด้านซ้ายบนของภาพด้วย

จะมีรถสาย AS60 หรือ AS61 ขึ้นไปได้เลย
ลงป้าย takasakiyama
(ถ้าขึ้นหน้าสถานีรถจะน้อยกว่าเดินไปขึ้นหน้าห้าง Tokiwa)


ใช้เวลาราว 15 นาทีก็จะมาถึงป้าย Mt.Takasakiyama

ทางเข้าอะควาเรี่ยมจะอยู่ชั้นที่ 2
เราไปถึงตอน 9 โมงกว่าๆ ยังไม่ค่อยมีคนเลยจนนึกว่าอะควาเรี่ยมแบบนี้ไม่ค่อยนิยมหรือเปล่า
แต่หลังจากนั้นก็เหมือนจะมีคนมาพอสมควรเหมือนกัน

ตั๋วเข้าชม


จริงๆ แล้วก็ไม่ได้คาดหวังกับอะควาเรี่ยมนี่เท่าไหร่
(แถมติดภาพมืดๆ รา ตะไคร่น้ำไปด้วยนิดนึง)
ปรากฏว่าที่นี่สะอาดเอี่ยมเรี่ยมแร่ ตามนิสัยคนญี่ปุ่นเด๊ะๆ

เดินๆ ไปพอสต๊าฟก็เอากำหนดการแสดงโชว์ฉบับภาษาอังกฤษมาให้
มีโชว์ชั่วโมงละ 1 โชว์ (โห..นี่ขนาดเป็นวันธรรมดานะ)

ตอนเดินเข้าไปก็เจอสต๊าฟกำลังให้อาหารปลาอยู่
ดูคุณลุงแกสนุกกับการให้อาหารปลาดี


เดินเข้ามาก็จะเจอกับแท๊งค์น้ำขนาดใหญ่
ความสูงขนาดตึก 3 ชั้นเลยทีเดียว






อุโมงค์ที่ชั้นล่างสุด
จากนั้นออกไปด้านนอกมีอีกโชว์
รอบนี้เป็นโชว์ของแมวน้ำ นก(อะไรสักอย่าง) สิงโตทะเล และวอลรัส

น่ารักมาก สนุกมากด้วย







พอจบโชว์ เค้าให้ถ่ายรูปได้ แตะๆ ได้ด้วย
โอ๊ย... เจ้าตัวพวกนี้นุ่มนิ่มมากเลยจ้า




แล้วพอถ่ายรูปเสร็จก็รีบกลับเข้าไปด้านใน
เพราะข้างนอกติดทะเล หนาวมากกกกก

ตู้แมงกะพรุน

ปลาพระอาทิตย์

เดินด้านในได้สักพัก
ด้านนอกก็มีโชว์โลมา
ก็ฝ่าลมมาดูข้างนอกอีก


เป็นโชว์ที่ตื่นตาตื่นใจอีกแล้ว

ที่นี่มีห้องอาหารมี 2 แห่ง 
ด้านล่างจะแนวๆ ฟู้ดคอร์ส
มีราเมง ราคาไม่แพงมาก
ส่วนอีกที่ติดกับจุดแสดงโชว์ราคาแรงหน่อย
เราก็เลือกของถูกสิ

รสชาติใช้ได้เลย

ใช้เวลาไปครึ่งวันกับอะควาเรี่ยมที่นี่
ออกจากอะควาเรี่ยมเราก็จะข้ามถนนไปสวนลิงกันต่อ....

(อ่านต่อบล็อกหน้า....)