9 JUNE 2016
วันที่ 2 ในปารีสตื่นประมาณ 7 โมงเช้า ไม่มีอาการเจ็ทลง เจ็ทแล็กอะไรสักอย่าง
หลับตื่นเหมือนตัวเองมีบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ในยุโรปเลยทีเดียว
ถึงจะตื่นเช้าแต่ก็ออกจากโรงแรม เกือบๆ 10 โมง กะว่าให้เลี่ยงช่วงเวลาออกไปทำงานของชาวปารีเซียง
แต่พอไปถึงเมโทรเจอคนเต็มเลยแกร๊ เบียดกันเป็นปลาแซลมอนอัดกระป๋อง
ทำไมชาวปารีเซียงถึงออกไปทำงานกันช้าจัง
วันนี้วางแผนว่าจะไปแวร์ซาย เพราะวันนี้อากาศดี ฝนไม่ตก น่าจะเที่ยวได้สนุก
ปรากฏว่าพอไปถึงสถานี RER C ที่จะต่อไปแวร์ซาย
ก็มีแผงเหล็กมากั้นทางเข้าไม่ให้เข้า แล้วก็มีป้ายบอกทางไปแวร์ซายโดยรถบัส
ตอนแรกนึกว่าทางรถไฟเสียหายจากน้ำท่วมทำให้ไปไม่ได้
อ้าว ปรากฏว่าสหภาพรถไฟประท้วงกันจ้า พอน้ำท่วมกุก็หยุด พอน้ำลดกุก็หยุดต่องี้เลย
เฮ้ย เห็นใจกันบ้าง เรามาไกลให้เราไปเหอะ...
จนวันสุดท้ายเราก็ยังไม่ได้ไปแวร์ซาย เพราะแกประท้วงกันยาว ไม่รู้ว่าพอเรากลับมาถึงไทยแล้ว พวกพี่แกจะกลับมาทำงานกันหรือยัง*
แผนไปแวร์ซายเลยต้องพับไว้ก่อน แผนสำรองก็ต้องงัดออกมาใช้แทน
*FYI นี่เพิ่งรู้หลังจากผ่านไป 1 ปีว่ามี Versailles Express เป็นรถโค้ชพาไปแวร์ซายมีจุดจอดอยู่แถวๆ หน้าไอเฟล โถ..นี่ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ข้าพเจ้าคงได้ไปแล้ว ฮือ...
พอถามพี่กู(เกิ้ล) แกก็บอกว่าใกล้ที่สุดคือมิวเซียมโรแดง ( Musee Rodin)
Musee Rodin เป็นที่รวมผลงานของลุงออกุสต์ โรแดง (Auguste Rodin) และของสะสมของคุณลุงอีกนิดหน่อย
ผลงานที่ข้าพเจ้ารู้จักมีอยู่ 1 ชิ้นถ้วนนั่นคือ The Thinker
เลยไปดูแบบไม่คาดหวังอะไร ไหนๆ มิวเซียมพาสก็เข้าฟรีอยู่แล้ว แต่ก็เคยอ่านเจอมาว่าที่นี่สวยดี
พอเข้ามาแล้วก็บอกกับตัวเองว่า
ชั้นรักที่นี่
มีรูปปั้นตั้งอยู่ท่ามกลางสวนกุหลาบ มีร้านคาเฟ่ไว้นั่งตากแดด จิบกาแฟ ชมสวนสวยๆ
แล้วสมมติว่าตัวเองเป็นมาดามอะไรสักอย่างแห่งปารีส
โครตงาม ประทับใจแบบสุดๆ
อันที่ว่ามานี้คือข้างนอกตึก
ส่วนด้านในตึกก็จัดแสดงผลงานของลุงโรแดง อันนี้ก็สวยดี
คือชอบที่นี่ เอาไปเลย 11 เต็ม 10
ถัดจากมิวเซียมโรแดงคือ Hotel-des-Invalides ไม่แน่ใจว่าจะต้องออกเสียงยังไงถึงจะถูก
เอาเป็นว่าที่นี่คือหลุมฝังพระศพของนโปเลียนที่ 1 กษัตริย์ผู้สวมมงกุฏให้ตัวเอง
ด้านในมีโลงขนาดมหึมาของนโปเลียนที่ 1 ตั้งอยู่ แต่ทีเด็ดของที่นี่อีกอย่างคือภาพจิตรกรรมที่วาดอยู่บนเพดาน ที่ไม่ว่าใครเข้ามาก็ต้องก้มหน้าดูโลง กับเงยหน้าดูเพดานกันทั้งนั้น
ถัดจากตึกนี้ในอาณาเขตเดียวกันคือ พิพิธภัณฑ์ทางทหาร (Musee de l'Armee)
มิวเซียมพาสเข้าได้ฟรีอีกแล้ว ด้านในมีตั้งแต่ชุดเกราะอายุ7-800 ปี จนถึงชุดยุคใกล้ๆ นี่อย่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เลยว่าจะเดินชมนกชมไม้ ชมเมือง ไปหอไอเฟล ซึ่งจากจุดนี้ไปหอไอเฟลก็ไกลกันโขอยู่นะ แต่ด้วยความงกก็เดินไง
จนผ่านพ้นวันนี้ไป สุดท้ายก็เลยบอกกับตัวเองว่าไม่ต้องทรมานสังขารด้วยคำว่า งก ก็ได้มั้ง
อุตส่าห์เดินมาไกลมากถึงหอไอเฟล แต่มันดันเข้าไปสนามหญ้าหน้าหอไอเฟลไม่ได้ไง
เพราะเขาปิดสวนเพื่อทำแฟนโซนในช่วงบอลยูโร เหมือนวันนี้ต้องมีบัตรด้วยถึงจะเข้าได้
แต่ตรงหอไอเฟลเปิดให้ขึ้นไปได้นะ แต่นี่ไม่ได้พิศวาสอยากขึ้นไปดูวิวจากหอไอเฟล
คือตูอยากไปถ่ายรูปติดหอไอเฟลอ่ะเว้ย
สองคนนี้ก็ไม่ละความพยายาม เผื่อว่าด้านนี้จะปิด แต่ด้านใกล้ๆ หอไอเฟลจะเปิด
ก็เลยเดินกันไปเลยจ้า 1 กิโลกว่าๆ จากปลายสนามหญ้าไปยังหอไอเฟล
แต่มันดันปิดทุกทางอย่างพร้อมเพรียงกัน
โอเค เฟลยกกำลัง 2
สุดท้ายวันนี้ก็เลยได้ถ่ายหอไอเฟลจากมุมตึกต่างๆ แทนวิวสนามหญ้าเลย
แผนต่อไป คือจะเดินไป Musee d'Osay ต่อ
นี่ก็ยังจะเดินต่ออีกนะ
แม้มันจะเมื่อยมากก็เถอะ แต่มันกลับตัวไม่ได้แล้ว ระหว่างเดินไปขึ้นเมโทร กับเดินไปมิวเซียม ดี ออร์เซย์ ระยะทางไม่ได้ต่างกันเลย ก็ให้เหตุผลกับตัวเองไปว่าเดินลัดเลาะริมน้ำแซนไปสิเธอ โรแมนติก
ระหว่างทางก็เจอ Quai Branly Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใกล้กับหอไอเฟลมาก แต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจใดๆ ของนี่เลย เพราะมันไม่ดังไง
แต่ไหนๆ ก็ผ่านแล้วเปิดไกด์บุ๊ค เขาบอกว่าเป็นที่ที่รวบรวมของแปลกจากทั่วโลก
อะไรคือของแปลกในสายตาของฝรั่งตาน้ำข้าว
ไอ้เราก็ไหน ๆ ก็เฟลจากไอเฟลแล้ว ก็เลยเข้าที่นี่ก็ได้
ซึ่งชอบที่นี่มากอีกแล้ว
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เหนือความคาดหมายมาก
ไม่ใช่ของแปลกแบบนก 3 หัว หมา 2 หางอะไรทำนองนี้นะ
เป็นการรวบรวมของจากวัฒนธรรมจากหลายๆ ทวีป ซึ่งฝรั่งก็เห็นว่าแปลกแหละ
ก็แบ่งเป็นของจากทวีปต่างๆ อย่างโซนอาเซียน เอเชียกลาง ยุโรป อเมริกา แอฟริกา
อย่างของไทยเราก็มี หน้ากากผีตาโขนแบบนี้
ที่ชอบคือการจัดวาง ทำให้สิ่งของทุกอย่างมันดูน่าสนใจไปหมด
เรคคอมเมนต์ที่นี่จ้า
ออกจากมิวเซียมตอน 6 โมง เพราะนึกว่าเขาจะปิด 6 โมงไง แต่วันที่เราไปเป็นวันพฤหัสบดีซึ่งที่นี่จะเปิดถึง 3 ทุ่มนู่น
รู้อย่างนี้ไม่รีบเดินหรอก มิวเซียมอันนี้น่าสนใจดี เดินดูไปได้เรื่อยๆ ชอบอ่ะ
แม้จะออกจากมิวเซียมด้วยความอิ่มใจ แต่กายนี่โครตเมื่อย
ในใจก็ฮึดเอา บอกกับตัวเองว่าเฮือกสุดท้ายของวันนี้แล้ว ไปเดินดูมิวเซียม ดี ออร์เซย์สักชั่วโมงแล้วก็กลับไปพักผ่อนเสียที
ลากสังขารพากันไปจนถึงหน้ามิวเซียมเพื่อพบว่ามันปิด
วอท เดอะ ฟ๊าก!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น