วันพุธที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2560

HOKKAIDO 1st Time


ฮอกไกโดครั้งแรกของเรา รอบนี้ไปคนเดียวเสียด้วย เดินทาง 23-28 กรกฏาคม 2560
รอบนี้บินกับ EVA Air ต่อเครื่องที่ไทเปก่อนจะบินลงสนามบิน New-Chitose บนเกาะฮอกไกโดเลย สนนราคา 18,xxx บาท

จองเดือนมิถุนา บินเดือนกรกฏาคม 2560

ราคานี้ไม่ได้ถูกแต่ก็ไม่แพงสำหรับการบินลงเกาะฮอกไกโดที่จองเดือนนี้แล้วบินเดือนหน้าเลย (ขนาดโปรฯ เจ้านี้ยัง 17,xxx เลยอ่ะ ซึ่งการบินไทย 23,xxx จ้า แต่อันนั้นบินตรง)




สำหรับการนั่งเครื่องบิน EVA Air ถือว่าปกติ ปกติจนแบบอ้าว บริการแค่นี้เองเหรอ นึกว่าจะมีอะไรพิเศษกว่านี้อ่ะ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นสายการบินเอกชนอันดับ 1 ของไต้หวัน
เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าสายการบินนี้ไม่ดี เฮ้ย..คือดีนะการบริการ อาหาร อะไรแบบนี้ปกติตามมาตฐานของราคา Economy ที่สมควรจะได้รับ แต่เราดันคาดหวังว่าไหนๆ ก็เป็นสายการบินเอกชนอาจจะมีอะไรพิเศษบ้าง แบบบางกอกแอร์เวย์บ้านเราที่เป็นเอกชนยังโครตจะดีไง เราผิดเองที่คาดหวัง 😡 คราวหน้าอาจจะลองบินกับสายการบินอื่นเอา


ฤดูร้อนที่อยากไปญี่ปุ่น สมควรโดนฮอกไกโดที่สุดแล้ว อากาศกำลังดี แดดร้อนพอประมาณ ไม่อบอ้าว แต่ทั้งนี้คือคุณต้องนิยมชมชอบธรรมชาติ ดอกไม้ สายลม แสงแดด เพราะฮอกไกโดฤดูนี้คนก็ชมดอกไม้กันละนะ

โดยส่วนตัวเราชอบทางคันโตหรือคันไซมากกว่าอยู่นิดหน่อย


ออกจากสุวรรณภูมิตี 2 แวะต่อเครื่องไทเป และมาถึงสนามบิน CTS ตอนบ่าย 3 โมง รอกระเป๋าพอสมควร แต่เราจะยังไม่เข้าเมือง เราหิว เราขอแวะกินราเมนที่ตรอกราเมนในสนามบินก่อน
นี่อุตส่าห์เปิดกูเกิ้ลหาร้านเด็ด ยืนรอคิวตามเน็ตที่บอกพิกัดร้านเจ้าดัง Ebisoba Ichigen


อาจจะไม่ใช่ช่วงเวลามื้ออาหาร เรารอไม่นานแค่ 5-10 นาทีก็ได้คิวแล้ว
แต่รสชาติยังไม่เท่าไหร่ คือมันเป็นราเมนมันกุ้ง น้ำซุปเข้มข้นแต่...สำหรับชาวไทยให้นึกถึงต้มยำกุ้งที่ขาดเผ็ด ขาดเปรี้ยว เป็นต้มยำกุ้งจืดๆ อ่ะ รสแบบนั้นแหละ (เราว่าต้มยำกุ้งราเมนของอิชิบังราเมนเด็ดกว่านะ) มื้อนี้หมดไป 780 เยน เราให้ความเห็นว่าพอกินได้ แต่ร้านอื่นน่าลองกว่า



แล้วไปแช่ออนเซ็น (New-Chitose Airport Onsen) 1500 เยน ใช่จ้า มีออนเซ็นที่สนามบินด้วย ถ้าไม่ติดว่ายังต้องไปโรงแรมอีกแล้วระยะทางกว่าจะเข้าเมืองก็เกือบๆ 1 ชม. ข้าพเจ้าจะแช่จนมันปิด (ที่จริงค้างคืนได้ด้วย แต่หลังจาก 3 ทุ่มไปแล้วไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ล่ะ)

ส่วนเรื่องกระเป๋าไม่ต้องห่วง เขามีที่รับฝากกระเป๋าจ้า แต่ห้ามฝากแล้วออกไปช็อปปิ้ง-อันนี้ไม่ได้
FYI: ออนเซ็นตามสถานที่ท่องเที่ยวชอบติดป้ายว่า "ขณะนี้มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก เพื่อความสะดวกสบายของท่าน กรุณามาใหม่อีกครั้ง"--- ไม่ต้องสนใจค่ะ มันเต็มตลอดแหละ เราก็เดินไปจ่ายตังค์ ใช้บริการตามปกติเลย ความจริงคนก็ไม่ได้เยอะอะไรขนาดนั้น

สำหรับออนเซ็นนี้ มี 5 บ่อ (เป็นกลางแจ้ง 2 บ่อ บ่อน้ำร้อน 2 บ่อ น้ำเย็น 1 บ่อ) สบายในระดับมาตรฐาน
แต่ออนเซ็นอันดับหนึ่งในใจเรายังคงเป็น Spa world ที่โอซาก้า เป็นออนเซ็นที่โครตสนุก



ออกจากบ่อสบายตัวจนเผลอหลับไปบนรถไฟก็มาถึงสถานีซับโปโร (ค่ารถ 1070 เยน)
นั่งตู้ Non-reserved มีรถทุก 15 นาที ไม่ต้องรีบ


พัก Grids Sapporo Hotel& Hostel สถานีSusukino Station ห่างจากสถานีซัปโปโร (JR) 2 สถานี เดินก็ได้เพราะมีทางเชื่อม แต่เชื่อเราเหอะอย่าเดินเลย มันโครตตตตตเมื่อย (เราเดินมาแล้ว 55)



ถ้าคะแนนเต็ม 5 เราให้ 4 ละกัน เดินทางสะดวก เตียงกว้าง มีพื้นที่วางกระเป๋า ฟร้อนท์เปิดถึง 5 ทุ่มแต่โรงแรมไม่มีเคอร์ฟิวเข้า-ออกได้ 24 ชม. ต้องใช้คีย์การ์ดตั้งแต่ใช้ลิฟต์เปิดประตู ถือว่าความปลอดภัยดี
หักคะแนนที่ห้องน้ำมีแค่ชั้นละ 2 ห้อง
โดยรวมคือดี แต่ด้วยความเป็นห้องรวม มันเลยไม่เก็บเสียง ถ้าเพื่อนร่วมห้องเสียงดังอันนี้ก็คือคราวซวยของเราเอง

ตรงสถานี Susukino นี่มันคือ shopping street แห่งหนึ่งเลย มีร้านอาหาร บาร์ ไนท์คลับ เช้าๆ จะเงียบเหงาหน่อย แต่สายๆ จะเริ่มคึกคัก แถวโซนที่อยู่ร้านจะปิดประมาณ 4 ทุ่ม แต่มีดองกี้ที่เปิด 24 ชม. แล้วพวกไนท์คลับก็จะต้องเดินมาอีกโซนนึง แต่ตี 2 งี้ก็ยังไม่เปลี่ยว มีคนผ่านไปมาใช้เส้นทางตลอด (ถามว่าทำไมถึงรู้ เพราะอิชั้นไปช้อปกลับตี 1-2 ทุกวันจ้า)


อันนี้ช่วงเช้า ร้านยังไม่เปิด


ตี 1 ตี 2 แถวนี้ก็ยังคึกคัก

6 วัน 5 คืน ในฮอกไกโด
Day 1 Arrived Sapporo
Day 2 Furano
Day 3 Sapporo City
Day 4 Sapporo-Jozankei Onsen
Day 5 Jozankei Onsen- Sapporo
Day 6 Departed Sapporo

ต้องบอกว่านี่เป็นญี่ปุ่นรอบที่ 5 ของเราแล้วถึงจะเป็นการมาฮอกไกโดครั้งแรกก็เหอะ
ดังนั้นวิธีกิน-เที่ยว-ช็อปปิ้งก็เปลี่ยนไปเยอะเลย ไม่ตะบี้ตะบันเก็บแลนด์มาร์กแล้ว
อารมณ์ตื่นมาแล้ววันนี้อยากไปไหนก็ไป
เที่ยวๆ อยู่วันนี้เหนื่อยแล้วไม่ไปอันนี้ละกัน
หรือ โอ้ย..ร้อน งั้นที่นี่อยู่แป๊บเดียว ไปเดินห้างดีกว่า
คือโครตเกเร ฮ่าๆ
สรุปคือชั้นแค่อยากไปสูดอากาศญี่ปุ่นแค่นั้นแหละ

Furano


ปกติคนอื่นเขาจะพ่วง Furano-Biei เข้าด้วยกัน แต่อินี่ไม่จ้า 😏
ประการแรก - ตื่นสาย นอนไม่พอมาหลายคืนแล้ว มีไข้อ่อนๆ มาหลายวันแล้ว (อ้าง)
ประการที่สอง- ไม่อยากปั่นจักรยานท่ามกลางไอร้อน เดี๋ยวไข้จะกลับ (อ้างอีก)
สรุปแล้วก็แค่ขี้เกียจแหละ ว๊าย..อายจัง

เราซื้อตั๋ว Furano Biei Rail Ticket ราคา 6500 เยนสำหรับเส้นทางนี้
FYI- ข้อควรทราบ  *JR Pass ไม่คลอบคลุมเส้นทางนี้และ IC card ก็ไม่สามารถใช้ได้กับเส้นทางนี้เช่นเดียวกัน


ถ้าไป Biei ด้วยจะคุ้ม ถ้าไม่ไป Biei ซื้อแยกจะถูกกว่า แต่ขี้เกียจคิดมากละ ซื้อๆ ไปเหอะ

นั่งรถจาก Sapporo ไปถึง Naka-Furano ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. ไปถึงจะนั่งแท็กซี่หรือเดินไปฟาร์มโทมิตะก็ได้


เราเดิน (ไม่ได้งกจริงๆ นะ) เพราะจะแวะชมสวนลาเวนเดอร์ของเมือง Naka Furano ด้วย
มีกระเช้าขึ้นเขาด้วย (เพราะหน้าร้อนจะเป็นลานสกี) ประมาณ 200 เยน
แต่ไม่ขึ้นจ้า กล้ว เดินขึ้นเอา (ฟรีด้วย)






ชอบที่นี่มากกว่าฟาร์มโทมิตะอีก 
กลิ่นลาเวนเดอร์โครตหอม ตอนไปฟาร์มโทมิตะลาเวนเดอร์ไม่ยักกะหอมแหะ 
ซึ่งความหอมมาพร้อมกับผึ้งตัวโครตยักษ์ ตอนแรกนึกว่าผีเสื้อ ไม่ใช่จ้า ผึ้้งจ้า



ก่อนที่จะเดินไปฟาร์มโทมิตะ แวะกินเมลอนที่ Tomita Melon House เหมือนจะไม่ถูกกับฟาร์มโทมิตะด้านในด้วย

เจอกรุ๊ปคนไทยด้วยจ้า
เขาบอกกินเสร็จให้เอาถาดไปวางคืน ไม่เอาไปคืนจ้า ถาดวางเต็มโต๊ะเลย ต้องให้ป้าญี่ปุ่นไปเก็บ
นักท่องเที่ยวคนอื่นก็ใช้โต๊ะไม่ได้

ไม่ต้องไปว่าชาติไหนเลย ชาติเราเนี่ย เวลาไปเที่ยวยิ่งกรุ๊ปใหญ่ๆ นี่ตัวดีเลย
บอกเลยว่ากรุ๊ปจีนที่ญี่ปุ่นดีกว่ากรุ๊ปไทยอีกจ้า

เมลอน 2 ชิ้น 500 เยน หวานจนถ้ามาขายที่บ้านเรามันจะถูกตราหน้าว่าเอาไปแช่น้ำตาลก่อนเอามาขาย


แล้วก็ไปเดินไปฟาร์มโทมิตะ


สวย ชอบมากกกกกกกกกก
เจอมนุษย์ทุกเชื้อชาติ ยกเว้นชาติญี่ปุ่น 5555






คุ้มค่ากับการเดินทางมาฤดูร้อน เขาบอกว่าช่วงกลาง-ปลาย กรกฏานี่แหละที่กำลังสวย
ก่อนที่จะกลับ เจอรถไฟ Norokko Train เป็นรถไฟท่องเที่ยว เราทันขึ้นทั้ง 2 ขา แต่ไม่ขึ้น (อ้าว-คือมันร้อนกับมันช้าไง ชั้นไม่มีชิลขนาดนั้น) มาถึงซัปโปโรก็ทุ่มนึงแล้ว



Sapporo


สถานที่ชื่นชอบในซัปโปโรคือ ศาลเจ้าฮอกไกโดที่พ่วงสวนป่า และเส้นทางศึกษาธรรมชาติร่วมด้วย



กับตึกที่ทำการรัฐบาลเก่าฮอกไกโด (Hokkaido Perfectural Government Office) เราชอบสวนรอบๆ
ทั้งสองสถานที่นี้คือเย็น สงบดี มาเดินเล่นสบายๆ ได้โครตดี ตึกรัฐบาลเก่าด้านหน้าคนก็จะพลุกพล่านหน่อยแต่สวนรอบๆ สงบมาก มีญีปุ่นมานั่งอ่านหนังสือพอสมควร



ส่วนที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ได้ไปในเวลา 1 วันกว่าๆ ของเราคือ
Sapporo Clock Tower ข้างในมีนิทรรศการเล็กๆ เฉยๆ ไม่เข้าก็ไม่เป็นไร


Sapporo TV Tower อันนี้ตั้งอยู่ตรงสวนสาธารณะ Odori ช่วงนี้มีเทศกาลเบียร์ คนเยอะดี


Sapporo Maruyama Zoo รู้จักหมีในสวนสัตว์ก่อนสวนสัตว์อีก
แวะทริปเดียวกับศาลเจ้าได้เลยเดินถึงกัน ชอบเส้นทางธรรมชาติระหว่างสวนไปสวนสัตว์

ส่วนสัตว์ตอนแรกก็เฉยๆ ดูเหมือนจะร้างๆ แต่ที่จริงแล้วคนค่อนข้างเยอะ แต่อยู่ในตัวอาคาร สัตว์ได้รับการดูแลค่อนข้างดี แต่วันที่เราไปสงสัยมันอากาศดีจัด จนมันนอนกันหมดเลย Z..Z...z..Z..




Jozankei Onsen


ใกล้ๆ กับเมืองซัปโปโร มีเมืองน้ำพุร้อนที่ดังๆ คือ Noboribetsu ตอนแรกก็จะไปที่นี่แหละ 
แต่ดันไปเจอว่ามีอีกที่คือ Jozankei Onsen ใกล้กับซัปโปโรแค่ 1 ชม. มีรถบัสต่อเดียวถึง เดินทางง่ายโครตและเป็นเมืองเล็กๆ ไม่พลุกพล่าน บางคนนอกจากจะมาแช่ออนเซ็นแล้วยังมาล่ากัปปะด้วยนะ เพราะเมืองนี้มีรูปปั้นกัปปะเต็มไปหมด

แผนที่เมืองและแผนที่กัปปะ

โอเค โจซังเคย์ ชั้นเลือกนาย!

ขึ้นรถที่ Bus station ตรงตึก Esta สถานี Sapporo ได้เลย เราเลือกไปลงน้ำพุร้อนอีกแห่งคือ Hoheikyo Onsen ก่อน ตั๋ว 840 เยน (มีแพ็คเกจ 1500 เยน เป็นราคาตั๋วไป-กลับ พร้อมลงบ่อน้ำร้อนได้ฟรี 1 แห่งด้วยนะ โครตคุ้ม เพราะบ่อน้ำร้อนแต่ละแห่งก็ราคาประมาณ 1000 เยนแล้ว)

นั่งรถหวานเย็นเลยนานหน่อย เราไปลงสุดสายที่บ่อน้ำร้อน Hoheikyo ก่อน
ทั้งคันมีคนลง 3 คน ส่วนใหญ่ ญี่ปุ่นขับรถมากัน


อย่าโอ้เอ้เพราะรถรอบต่อไปจะมาอีก 1 ชม.
จ่ายเงิน 1000 เยนซื้อผ้าขนหนูด้วย 250 เยนแล้วมุ่งหน้าไปบ่อน้ำร้อนเลยจ้า
เป็นบ่อน้ำร้อนแบบโบราณจริงๆ ให้อารมณ์พื้นบ้านมากเลยเธอ มีบ่อกลางแจ้งด้วย ถ้าหน้าหนาวรับรองว่าฟินสุดยอด นี่ฤดูร้อนยังสบายตัว
ที่นี่มีแกงกะหรี่ที่ดัง แต่เราไม่มีเวลากินเพราะจะไปเช็คอินเรียวกังในเมืองโจซังเค รอบหน้าไม่พลาดแน่ๆ

จาก Hoheikyo Onsen ไปตัวเมืองไม่ถีง 5 นาที แต่ถ้าเดินละก็หอบแน่ๆ
เราพักที่ Shogetsu Grand Hotel เป็นการพักแบบเรียวกังครั้งแรกของเรา
โอ๊ย..คุณขา ห้องคืนละ 22,000 เยน การบริการเลยมีระดับขึ้นไปด้วย
พนักงานโค้งแล้วโค้งอีก ดีโครต อยากให้มาลอง


อาหาร 2 มื้อ มื้อเช้าเป็นอาหารชุด แต่มีบุฟเฟต์ให้เติมได้ตลอด ส่วนมื้อเย็นเป็นแบบไคเซกิ อร่อยดี

มื้อเช้าเป็นชุดอาหาร+บุฟเฟ่ต์ฟรีให้ตัก

มื้อเย็นเป็นชุดไคเซกิ

ตั้งแต่บ่ายไปมีน้ำผึ้งให้ลองจนค่ำ (เออ น้ำผึ้งแหละ นี่ก็ยังงง ใครจะกินน้ำผึ้งทั้งวันวะ) ชา กาแฟ ตลอด


นี่มานอนเรียวกังครั้งแรกเลยยังงงๆ เหมือนใช้บริการที่โรงแรมแถมมาให้ไม่คุ้ม
ถ้ารอบหน้ามาอีกนี่จะโปรแล้ว
คือเสียดายว่า
1. ไปแช่ออนเซ็นที่อื่นก่อน เลยใช้บริการที่นี่ได้ไม่กี่ครั้งเอง
2. มาช้าไปหน่อย ปกติเรียวกังจะให้เช็คอินได้บ่าย 3 เช็คเอาท์ 10 โมง นี่เรามาเกือบ 5 โมงแล้ว เดี๋ยวกินข้าวอีก (ซึ่งต้องกินตามเวลาที่กำหนดไว้คือ 6 โมงหรือ 1 ทุ่ม) แล้วเดินเที่ยวเมืองอีก โอ้ย-ใช้เวลาในโรงแรมน้อยไป

สำหรับออนเซ็นที่โรงแรม Shogetsu Grand Hotel มี 2 ห้อง สลับใช้ชายกับหญิง มีเอาท์ดอร์ อินดอร์
ชอบมากกว่าของ Hoheikyo Onsen อีกค่า นี่ถ้าใครซื้อแพ็กเกจ 1500 เยนที่บอกไว้ เราเชียร์ให้มาใช้ที่นี่อ่ะ คุ้มค่า

ช่วงทีเราไปตอนกลางคืนมีการจัดงาน Jozankei Nature Luminarie 2017  by Naked
จัดช่วง 1 ทุ่ม - 3 ทุ่ม เป็นงานเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แต่ก็สวยดีสำหรับการชมฟรี
คนก็ใส่ชุดยูกาตะ (จากโรงแรมนั่นแหละ) มาดูกัน





ตอนเช้าให้โรงแรมจองรถรอบ 10 โมงไว้ให้ก็เลยเดินรอบๆ เมืองสัก 1 ชม.ก็ทั่วแล้ว ระหว่างทางก็เจอตัวกัปปะเต็มไปหมด เพราะกัปปะเป็นมาสคอตของเมืองนี้


พอกลับมาถึงซัปโปโรเที่ยงพอดี เลยกินข้าวเที่ยงเดินช็อปปิ้ง เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ ส่วนใหญ่ไปดูเครื่องเขียน ของกระจุกกระจิกที่โครตสิ้นเปลืองเงินทอง (แต่สุขใจ) ไม่ได้เที่ยวอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ข้ามไปสนามบินเลยก็แล้วกัน

เคาร์เตอร์สายการบินเปิดก่อนเครื่องบินออก 2 ชม. และรถไฟไปสนามบินออกทุก 15 นาที ดังนั้นก็วางแผนกันดีๆ ถ้าไปก่อนเวลาก็เดินช็อปปิ้งด้านนอกก่อนก็ได้ เพราะด้านใน Duty Free มีร้านนิดเดียว

สรุปค่าใช้จ่ายทริปฮอกไกโด

ตั๋วเครื่องบิน EVA Airways 18,xxx บาท
ค่าที่พัก Grids Hostel 3 คืน 15,200 เยน
ค่าที่พัก Shogetsu grand Hotel 1 คืน 22,600 เยน
ค่าเดินทางรอบๆ ซัปโปโร 10,200 เยน
กินแบบธรรมดาๆ 15,000 เยน
*อื่นๆ 137,000 เยน
(* อื่นๆ นี่คือช้อปปิ้งค่ะ ซื้อแหลกลาญตั้งแต่ไม้จิ้มฟันรสมิ้นต์ จนถึงนาฬิกาปลุก)

Have a good day ka.😁