วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ปารีสห้าหมื่น 2

นอกจากค่าตั๋วแล้ว ก็มีค่าที่พักนี่แหละที่ทำให้งบท่องเที่ยวสูงหรือต่ำ
เราไม่ได้จำกัดงบที่พักไว้ ขอแค่ที่พักพอใช้ได้ในราคาที่พอรับไหวก็โอเคแล้ว
ฟังดูรวยเนอะ ที่จริงคือราคาที่พอรับไหวคือคืนละพันห้าเองจ้ะ

เราพักในปารีสล้วนๆ 5 คืน โรงแรมที่ว่างติดกัน 5 คืน แพงสุด
สุดท้ายเลยแยกพักเป็น 2 ที่
  • Au Royal Mad Hotel (118 euro) 2 คืน ห้องน้ำรวม ไม่มีลิฟต์ ก็ลากกระเป๋าขึ้นบนไดเวียนแคบๆ ไป 3 ชั้นสิแก
  • Hotel de la Place des Alpes (240 euro) 3 คืน พักชั้น 2 เลยไม่ได้ใช้ลิฟต์ ลากกระเป๋าเหมือนเดิม

ทั้ง 2 ที่เดินจากเมโทรได้ในระยะ 1-2 นาที จนท.เฟรนด์ลี่มาก โอเคประทับใจ 
ราคานี้ไม่รวมอาหารเช้าต้องซื้อเพิ่ม อีกคนละ 6 กับ 12 euro
นี่ก็งกจ้ะ ชั้นซื้อจากซุปเปอร์ตอนเย็นมากินตอนเช้าเอา


ก่อนจะมาปารีส 1 อาทิตย์มีข่าวว่าที่นี่น้ำท่วม ลูฟวร์ปิด Musee d'Osay ก็ปิด เรือล่องแม่น้ำแซนไม่ได้
นี่ก็กังวลว่าแล้วเราจะเที่ยวกันยังไง เราต้องกลายเป็นผู้ประสบอุทกภัยกับเขาด้วยมั้ย

พอก่อนหน้านั้นสัก 2 วันปารีสไม่มีฝนแล้ว น้ำก็เริ่มลด
และวันที่เราไปลูฟวร์เปิดเป็นวันแรกหลังจากที่ปิดมาหลายวันพอดี ดีใจน้ำตาจะไหล
แต่ระดับน้ำยังสูงอยู่ โปรแกรมล่องเรือในลำน้ำแซนเลยต้องงดไปโดยปริยาย




แต่ก่อนอื่นไปเกาะ Cite ก่อนเลย
กลางแม่น้ำแซน จะมีเกาะเล็กๆ อยู่ 2 เกาะ คือ Ile de la Cite กับ Ile Saint Louis
2 เกาะนี้คือต้นกำเนิดปารีส

บนเกาะ Ile de la Cite มีสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญที่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก เช่น 
  • โบสถ์ Cathedrale Notre-Dame de Paris
  • โบสถ์ Saint-Chapelle
  • วังที่กลายเป็นศาล Palais de Justice de Paris
  • วังที่กลายเป็นคุก Conciergerie
  • สะพานใหม่แต่เก่าที่สุดอย่าง  Pont Neuf
แค่เกาะนี้ที่เดียวก็อยู่ได้เป็นวันๆ

โบสถ์ Saint-Chapelle 





สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก 
พอผ่านประตูเข้าไปชั้นแรกก็จะพบห้องไม่ใหญ่มาก ประดับด้วยกระจกสีๆ ดูธรรมดามาก
ถ้าเดินออกไปคือจบเลยนะ จะไม่พบเจอความสวยของที่นี่
เพราะจะมีบันไดแคบๆ แอบอยู่ข้างๆ ให้ขึ้นไปชั้นที่ 2 และจะพบกับความงามของกระจกสีที่แท้จริง



Conciergerie วังที่กลายเป็นคุก

อยู่ติดกับโบสถ์ Saint-Chapelle กับ Palais de Justice de Paris เลย
ที่นี่เคยเป็นที่คุมขังนักโทษทางการเมือง รวมทั้งพระนางมารี อ็องตัวแน็ต กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มาก่อน




นี่สนใจอยากดูว่านักโทษทางการเมืองเมื่อก่อนอยู่ยังไง แต่เข้าไปดูแล้วก็เฉยๆ นะ
ห้องคุมขังก็เป็นห้องจำลองที่ทำขึ้นใหม่
แล้วห้องไฮไลต์ก็เป็นห้องของพระนางมารี อ็องตัวเเน็ต แต่น่าจะไม่ใช่ห้องจริงที่เคยอยู่ น่าจะแค่จำลองบรรยากาศให้ดูเฉยๆ

ช่วงสุดท้ายของชีวิตพระนางจบได้ไม่สวยงามเท่าไหร่ ถูกเกลียดชัง ถูกตัดพระเศียรด้วยกิโยติน
แต่หลังจากนั้นก็เอาชีวประวัติพระนางมาหากินกันเนอะ ดูย้อนแย้ง
อย่างของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์มีผลิตภัณฑ์มารี อ็องตัวแน็ตเต็มเลย
ถูกเกลียดชังในยุคนึง แต่เป็นจุดสนใจของคนในอีกยุค
ชีวิตมนุษย์ช่างซับซ้อน

ส่วนความน่าสนใจของ Conciergerie จะเข้ามาดูก็ได้ไม่เข้ามาดูก็ไม่น่าเสียดายอะไร
แต่ไหนๆ มิวเซียมพาสก็เข้าฟรีแล้ว เข้าก็ได้

มหาวิหารน็อทร์-ดามกับจุดกิโลเมตรที่ 0 ของปารีส


ที่จริงเป็นโบสถ์เก่าๆ ทรุดโทรม ไร้การดูแล
จนกระทั่งนิยายเรื่อง The Hunchback of Notre Dame ของ Victor Hugo ที่มีวิหารน็อทร์ดามเป็นฉากหลักของเรื่องดังเป็นพลุแตก ผู้คนก็เลยหันกลับมาสนใจที่นี่และบูรณะจนกลายเป็นมหาวิหารอย่างปัจจุบัน


และที่นี่ยังเป็นจุดหลักกิโลที่ 0 ของปารีส เขาว่าใครได้มายืนจุดนี้จะได้กลับมาเยือนปารีสอีกแหละ
นี่ก็เจอมนุษย์จีนหรือเกาหลีไม่แน่ใจ มุงล้อมหลักกิโลอยู่นานมาก กว่าจะฝ่าผู้คนไปเหยียบได้นี่รอนานเลย


ส่วนด้านบนสามารถเดินขึ้นบันไดขึ้นไปได้ แถวขึ้นด้านบนจะอยู่ด้านข้างๆ ของวิหาร
แต่ตอนเราไปแถวปิดแล้วเลยกะว่าจะมาวันหลัง หารู้ไม่ว่าวันหลังก็ไม่ได้มาแล้ว 
ฮือ..กากอยด์ 
อยากขึ้นไปดูกากอยด์


พอออกจากเกาะ Cite ก็เดินไปลูฟวร์
ที่เดินลัดเลาะตามแม่น้ำไม่ใช่ว่าใกล้อย่างเดียวนะ งกด้วย แค่ 2 สถานีเองเดินไป มีแรงก็เดินไป
อากาศเย็นดี แต่แดดแรงมากจนตาหยี นี่ก็งงกับอากาศ
ยิ่งช่วงที่เราไปพระอาทิตย์ตก 4 ทุ่ม เดินจนร่างแหลกกลับโรงแรม ฟ้ายังแจ้งอยู่เลยจ้า



ที่เอาโปรแกรมลูฟวร์ไว้หลังสุดเพราะวันนี้วันพุธ ทุกวันพุธและวันศุกร์ ลูฟวร์จะปิด 3 ทุ่มครึ่ง
เราไปลูฟวร์ทั้งหมด 3 ครั้ง คือวันพุธ ศุกร์ และเสาร์ ทุกครั้งไปช่วงเย็นๆ แถวสั้นมากไม่เคยเกิน 10 คน
เดินไปถึงต่อคิวสแกนกระเป๋า เสร็จ

ยิ่งมีมิวเซียมพาสนี่เดินเล่นในลูฟวร์เหมือนเดินไปตลาดหน้าปากซอย เพราะฟรีแล้ว เข้า-ออกกี่ครั้งก็ได้

Musee de Louvre
ลูฟวร์ในวันที่พีระมิดหายไป

เป็นโปรเจ็คของศิลปิน ถ้าเกิดว่าที่ลูฟวร์ไม่มีพีระมิด


ลูฟว์เคยผ่านจุดที่เป็นวังหลวงที่รุ่งเรือง ตกต่ำถึงขีดสุดถึงขนาดเป็นที่อยู่ของโสเภณีและคนเร่ร่อน และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์

เคยอ่านเจอว่า ไม่มียุคไหนที่ลูฟว์จะรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ไปกว่ายุคนี้อีกแล้ว




ลูฟร์ บ้านพักของโมนาลิซ่า


ลูฟร์ แบ่งออกเป็น 3โซนคือ
  • SULLY
  • DENON
  • RICHELIEU 
ซึ่ง 3 โซนนี้เข้ากันคนละทางแต่จะเชื่อมต่อกันเอง



นี่เข้าทาง Sully เดินไปโผล่ Denon สักพักเดินไปโผล่ Richelieu อีกแล้ว จะเดินกลับโซนเดิมก็ไม่ได้ต้องหลงกันต่อไป
ใครมาลูฟว์ครั้งแรกแล้วไม่หลงนี่มีกราบ เป็นนางกำนัลถวายตัวกลับชาติมาเกิดอีกทีรึไง

แต่เดินลูฟว์สนุกมาก เพราะของที่จัดแสดงก็สวย จัดวางก็สวย แถมลูฟว์ที่เคยเป็นวังมาก่อนก็สวย
นี่ชอบโซนแกะสลักหินอ่อน มีความพริ้วความงามอยู่ในตัว



เดินได้รอบละ 2 ชม.ก็เหนื่อยแล้ว  ถึงชอบแค่ไหนก็เบื่อ ก็ต้องกลับ
กลับถึงโรงแรมตอน 3 ทุ่ม ฟ้ายังแจ้งอยู่เลย
คุณพระ!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น