วันนี้เดอะแก๊งมีอันต้องแยกทาง
เพื่อนอีก 2 คนไปเที่ยวโซล
ส่วนเรายังคงเที่ยวอยู่ที่ญี่ปุ่นต่อไป
ตอนเช้าตื่นมาเช็คเอาท์ออกจากห้องเดิม เข้าสู่ห้องใหม่
ห้องใหม่เป็นห้องเตียงเดี่ยว ขนาดพอดีตัว
มีหน้าต่างให้ 1 บาน
ห้องก็สะอาดดี แต่ที่อยากติคือแอร์นี่แหละ ดูเก่าไปนิด ฝุ่นเกรอะเชียว
น่าจะล้างแอร์บ้างนะ
แยกทางกับเพื่อนที่สถานี Shinimamiya
เราไปนารา อีก 2 คนไปสนามบินโอซาก้า
เรานั่งจากสถานี JR Shinimamiya ไปแค่ 36 นาทีก็ถึงสถานี JR NARA
ก่อนอื่นพอลงจากรถไฟปุ๊บ ก็ต้องซื้อตั๋วรถ 1 Day pass ก่อน
จะได้แผนที่รถบัสมาด้วยเลย
ที่จริงถ้าแค่จะไป Nara Park และวัด Todaiji และศาลเจ้า Kasuga ก็ไม่ต้องซื้อตั๋ว 1 Day pass ก็ได้
เพราะเรานั่งรถไปลงสวน Nara Park แล้วเดินต่อไปละแวกนั้นได้เลย
ตั๋วราคา 500 เยน ค่ารถเที่ยวละ 210 เยน
ดังนั้นถ้าเที่ยวแค่นี้ซื้อเป็นรายเที่ยวประหยัดกว่า
เราเริ่มต้นจากหน้าสถานี JR Nara ไปลงที่ป้ายวัด Kohfukuji
ซึ่งมันก็ตรงกับส่วนหนึ่งของสวนนาราปาร์คพอดี
พอลงรถมาก็เห็นคนเต็มเลย ตอนแรกสงสัยว่าคนมาทำไมเยอะแยะ
เลยถึงบางอ้อ เมื่อเดินไปใกล้ๆ
คนมาล่ากวางเหมือนกัน
เราก็แบบตื่นตาตื่นใจกับกวางมากเลย กวางมันดูเชื่องมาก
เข้าไปจับก็ได้ ลูบก็ได้
แต่ก็ไม่ใช่ว่ากวางทุกตัวจะใจดีนะ บางตัวมันก็ร้าย
บอกแล้วบางตัวกวางมันก็ร้าย
ถึงขนาดมีป้ายเตือนให้ระวังกวาง
อย่าให้ความน่ารักของมันมาหลอกเราได้ !
ที่ไหนมีกวางที่นั่นมีเซมเบ้ขาย
เซมเบ้กวางราคา 150 เยน มีไว้เป็นมนต์เรียกกวาง
กวางจะรัก กวางจะหลง และรุมทึ้ง
ดูตามันสิคุ๊นนนนนนนนน
จะโหดร้ายไม่ซื้อให้มันก็จะใจดำเกินไป
แต่กวางไม่ได้น่ารักทุกตัว (ย้ำ) เพราะพอมันเห็นว่าเรามีขนมอยู่ในมือ
มันก็จะพุ่งตัวเข้ามาดึงเสื้อ
ใช้หัวชน เข้ามาล้อมกรอบเรา
โอ..กวางมาเฟีย
พอรู้สึกว่าเริ่มเสียเวลากับกวางมากไปก็เสียเวลาไปร่วมชั่วโมงได้
เราก็เลยเดินไปวัด โคฟุคุจิกันดีกว่า
วัดนี้เราก็เฉยๆ ฮ่าๆ เพราะกวางน่าสนใจกว่า
แต่ที่ไกด์บุ๊คไม่ได้บอกคือหลังวัด ให้เดินลงบันไดไปจะเป็นช๊อปปิ้งสตรีทสายเล็กๆ มีของขาย(ที่เหมือนๆ กันทุกร้าน)
ที่เด็ดกว่าคือเจอร้าน TABI-JI เดินลงบันไดมา อยู่ตรงตึกตรงข้ามวัดเลย ร้านอยู่ชั้น 2
เป็นร้านรองเท้าที่ผลิตรองเท้าออกมาเหมือนทรงรองเท้านินจาของญี่ปุ่น
ราคารองเท้าก็สูงเหมือนกัน
เหมือนจะเห็นเริ่มๆ ที่ 3-5000 เยน
แต่ว่า มันมีถุงเท้าด้วย ราคาคู่ละราวๆ 500 เยน (รวมภาษีแล้ว)
และลายมันน่ารักด้วย แถมเนื้อผ้าใส่ดีมากกกกกกกกก
จนอยากจะซื้อมาอีก มีแบบ 2 นิ้ว และแบบ 5 นิ้วด้วย
อิแบบ 5 นิ้วนี่คือนิ่มมาก แนะนำเลย เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝาก คือดีงาม
(ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีคนคิดว่าควรซื้อถุงเท้าเป็นของฝากแบบเรามั้ย ฮ่าๆ )
หรือถ้าไม่ซื้อฝากก็ซื้อมาใส่เองเหอะ เชียร์ร้านนี้ พนง.(หญิง) ก็น่ารักมาก ภาษาอังกฤษก็เริ่ด
แล้วก็เดินไปวัดโทไดจิก่อน โดยให้กูเกิ้ลแมพพาไป
ปรากฏว่า กูเกิ้ลพาอ้อมไปหลังวัดจ้าาาาาาาาา
หน้าวัดทำไมเอ็งไม่พาข้าไป พาข้าไปหลังวัดทำม๊ายยยยยย
และมีอาคารหลักของวัดเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ก่อนไปเราก็คิดว่าจะแค่ไหน พระใหญ่แล้วไง อาคารไม้ใหญ่แล้วไง
พอไปเจอของจริงเข้าก็พบว่า อาคารใหญ่มากกกกกก
และสวยงาม
หลวงพ่อโต พระไดบุตสึก็ใหญ่มากกกกกกก สวยงาม
คุ้มค่าแก่การมา
พอเดินออกมาหน้าวัด ไปศาลเจ้าคาสุกะ
ที่จริงไม่รู้จัก เห็นมีในแผนที่ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกด้วย แล้วเวลาเหลือเลยเดินไป
ระหว่างทางเดินก็เจอกวางดักซุ่มโจมตี
พอมาถึงศาลเจ้าก็โอเค สวยดี
ส่วนป้ายขอพรก็เป็นรูปกวางเก๋ๆ
ได้เซียมซีกวางมาด้วย น่ารักและเป็นภาษาอังกฤษ
ออกจากศาลเจ้ามาเดินไปขึ้นรถไปลงป้าย Tanaka-Cho
ไม่รู้จักอีก ว่าป้ายนี้มีดีอะไร
ก็มางั้นๆ ตามแผ่นพับ
เขาบอกว่า ที่นี่เป็นช๊อปปิ้งสตรีท ร้านรวงเก๋ๆ คาเฟ่ อะไรทำนองนี้
แต่ ไม่รู้ว่าเรามาค่ำ หรือมาตรงวันธรรมดา
ไม่ค่อยเห็นมีร้านอะไรเปิดเลย
แล้วแถวนั้นก็เป็นซอกซอยด้วยไง ใกล้ค่ำแล้วไง โครตน่ากลัวเมื่อเดินคนเดียว
เดินด้วยความโดดเดี่ยวมาก จู่ๆ ก็เจอเจอลุงคนนึงสวนมาก
แล้วก่อนหน้านั้นมีข่าวว่า มีคนโรคจิตพ่นกาแฟใส่หน้าหญิงสาวที่โอซาก้า
อิชั้นก็กลัวไง
ก็พยายามเดินเลี่ยง เหล่มองลุง เดินไปทางที่มีคน
ที่จริงลุงแกก็เดินเฉยๆ แหละ กลัวไปเอง ขอโทษลุงด้วยค่ะ
เดินจนทะลุไปยังจุดตั้งต้น มืดค่ำพอดี
ก็นั่งรถบัสกลับสถานีนารา รอรถไฟไปโอซาก้า
ปิดท้ายบล็อกวันนี้ด้วย Sento-kun มาสคอตประจำเมืองนาราจ้า
please continue reading part 4
ไม่ได้ไปเดินถนนคนเดินขายของอะไรเทือกนั้นเลย ต้องรีบกลับไปโอซาก้า
ตอบลบ