วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ปารีสห้าหมื่น 1


ปารีสครั้งนี้ไม่ได้ซื้อซิมการ์ด ไม่ได้เปิดโรมมิ่ง ไม่มีเน็ตมือถือเล่น ไม่ได้เช่าพ็อกเก็ตไวไฟด้วย
ดังนั้นสิ่งที่ต้องเตรียมคือ

  • โหลดแผนที่ปารีสใน google map แบบ offline ไว้
  • โหลดแอพ Next Stop Paris เป็นแอพเมโทรของปารีส โหลดแบบ offline ไว้เช่นเดียวกัน
  • แอพ google Translate โหลดภาษา French ไว้ล่วงหน้าด้วย

3 แอพนี้คือของจำเป็นที่ทำให้อยู่รอดได้ในปารีส 5 คืนแบบสบายๆ

แต่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ถ้าขาดสตางค์กับบัตรเครดิตก็ไม่รอดแหละ
ดังนั้นไอ้ 3 อย่างข้างบนไม่ต้องทำมาก็ได้ เอามาแต่ตังค์ก็พอแล้ว


พอผ่าน ตม. แล้วก็ถือว่าเราได้เหยียบแผ่นดินพระเจ้าหลุยส์อย่างแท้จริง
ทีนี้ก็หาทางออกจากสนามบิน CDG ซึ่งจะมีด้วยกัน 3 ทางใหญ่ๆ คือ

  • รถไฟ RER B ราคา 10 euro จะจอดทั้งหมด 3 สถานีใหญ่ๆ 
  • รถบัส Roissy bus ราคา 11 euro จะจอดที่จุดเดียวคือ Opera
  • แท็กซี่ เท่าไหร่ไม่รู้ ส่งถึงหน้าที่พักเลยแต่แพงสุด
นี่ก็คิดไตร่ตรองมาจากบ้านแล้ว เราจะเลือก Roissy bus เพราะรถจะมีที่วางกระเป๋าแล้วก็ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับชาวปารีเซียงบนรถไฟ

ก่อนออกจากสนามบินแวะ Tourist Information ก่อนเลย แวะซื้อบัตร Paris Museum Pass บัตรเหมาจ่ายสำหรับเข้าพิพิธภัณฑ์ได้ตั้ง 54 ที่ มีแบบ 2, 4, และ 6 วัน
นี่จัดไปเลยเหนาะๆ 6 วัน 74 euro ที่จริงซื้อแค่ 4 วันก็พอแล้ว แต่นี่ขี้เกียจคิดมาก เอา 6 วันนั่นแหละ


พอเลือกจะขึ้น Roissy bus ก็ลากกระเป๋าไปรอที่ป้ายรถได้เลย ซื้อตั๋วได้ 2 แบบคือ
  • ซื้อกับคนขับรถบัส แต่ถ้าเป็นแบงค์ใหญ่คนขับไม่มีทอน
  • ซื้อกับตู้ ต้องเป็นเหรียญหรือแบงค์เล็กเท่านั้น กับรับแต่บัตรเครดิต
นี่ก็วิตกจริตจากการอ่านในพันติ๊บมาว่า บัตรเครดิตบ้านเราใช้กับตู้ไม่ได้ เพราะบัตรบ้านเราไม่มี code ที่ต้องกดแบบฝรั่งเขา งั้นก็ต้องซื้อด้วยเงินสดเท่านั้นแหละ
(FYI: ความจริงคือใช้ได้ เสียบไปเลย ไม่มีรหัสก็ไม่ต้องกดแค่นั้นแหละ) 

โชคดีว่ามีเหรียญที่ทอนมาจากการซื้อบัตรมิวเซียมพาส ก็เลยซื้อกับตู้ แล้วก็ไปนั่งรอที่ห้อง
ที่ห้องก็จะมีป้ายบอกว่าอีกกี่นาทีรถจะมา พอป้ายบอก 0 นาที ข้าก็เดินออกไปสิ
ปรากฏว่า ไม่มีรถบัสสักคัน เพราะมันออกไปแล้ว บ้าาาา

สรุปคืออิรถบัสนี่จะเหมือนรถเมล์บ้านเราแหละ ก็ต้องออกไปรอที่ป้ายก่อนแป๊บนึง
รถจะวนไปป้าย terminal นั้น นู่น นี่ (ซึ่งสนามบิน CDG มีหลายเทอมินอลมาก) จนครบรอบก่อนจะไปสุดสายที่ opera
ดังนั้นแต่ละป้ายก็จะจอดแป๊บเดียว ถ้าคนเยอะก็ช้าหน่อย ถ้าไม่มีคนก็ฟิ้วเลยจ้า
นี่ก็เลยต้องรอรถคันที่ 2 อีก 15 นาที


รถจอดที่สุดสายสถานี Opera พอลากกระเป๋าลงมาจากรถก็จะมีวัยรุ่นพุ่งเข้ามาแล้วพูดว่า
"YOU SPEAK ENGLISH?" แล้วจะขอให้เราลงชื่อลงบนกระดาษ

นี่ก็อ่านมาจากพันติ๊บอีกแล้วว่า ขณะที่เราเหวอแดกลงชื่ออยู่ พวกวัยรุ่นก็จะมาล้อมหน้าล้อมหลังแล้วพอรู้ตัวอีกทีก็
ของหาย!!

นี่ก็หลอนสิคะ ติวแฟนมาอย่างดี ถ้ามีคนมาพูดแบบนี้กับเธอ เธอทำไม่รู้ไม่ชี้ตีมึนเดินไปเลยนะอย่าให้เด็กๆ มาล้อมได้

มุกหากินของมิจฉาชีพที่ปารีสที่ดังๆ มี 2 อย่างคือ

  • YOU SPEAK ENGLISH. พบบ่อยสุดแทบทุกหน้าสถานที่ท่องเที่ยวดังๆ 
  • มุกด้ายแดง อันนี้เจอหน้าลูฟว์เบาๆ แต่ที่หนักสุดคือหน้าโบสถ์ Sacre'-Coeur นั่นพี่แกถึงขั้นพุ่งมาจับมือเลยทีเดียว
ซึ่งอิ 2 มุกที่ว่ามา คนเอเชียอย่างเราไม่ค่อยโดน นัยว่าเตรียมตัวมาดี แต่ฝรั่งนี่โดนเพียบจ้า ฮาคูน่า-มาทาท่า สิแก



จากการตีมึนเราก็ฝ่าวงล้อมเด็กๆ มาได้ นี่ก็นึกว่ารอดแล้วไง ก็เดินไปเมโทร

ซึ่งแถวนั้นก็มีนักท่องเที่ยวเยอะมาก ข้างหลังเราก็มีวัยรุ่นถือแผนที่เดินตามมา
จังหวะที่ผ่านกระจกหน้าร้านอาหาร บังเอิญว่าเราดันไปเห็นภาพสะท้อนภาพเจ้าเด็กวัยรุ่น2 คนที่ตามมาข้างหลังเอื้อมมือมาจะเปิดกระเป๋าเราพอดี เราก็หันไปมองแล้วคว้ากระเป๋ามาสะพายไว้ด้านหน้า เดินไปบอกแฟนว่ามีเด็กวัยรุ่นเอื้อมมือจะมาจับกระเป๋าเรา พอเราหยุดหันกลับมามองเจ้า 2 คนนั่นหายไปแล้ว

โดนต้อนรับตั้งแต่เหยียบใจกลางปารีสเลยทีเดียว จากนั้นถ้าคนเยอะๆ ก็จะสะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้าตลอด นอกจากเหตุการณ์นี้แล้วทีเหลือเราก็อยู่รอดปลอดภัยดี ถือว่าปารีสทักทายกันเบาๆ ให้พอระวังตัว

จากนั้นก็ลากกระเป๋าลงเมโทร ก่อนหน้านั้นต้องซื้อตั๋ว
โดยอิตั๋วเมโทรที่นี่เป็นแบบเหมาคือราคา 1.8 euro ตลอดสาย แต่ถ้าซื้อทีละ 10 ใบจะลดราคาเหลือแค่ 1.41 euro
ตั๋ว 10 ใบนี่เรียกว่าตั๋ว Carnet [kar-nay]


ซึ่งก็เหมือนเดิมคือตู้รับเฉพาะเหรียญกับแบงค์เล็ก
นี่ก็เลยไปซื้อกับป้าที่ information

ด้วยความเป็นนักอ่านก็อ่านมาอีกละว่าชาวปารีเซียงไม่นิยมชมชอบภาษาอังกฤษ อารมณ์แบบกูรู้นะ แต่กูไม่พูดมีไรป่ะ

พอถึงคิวก็บอกป้าเลยว่า การ์เน่
ป้า-งง
เอ๊ะ..รึไม่ใช่การ์เน่วะ งั้นเอาใหม่
"กา-เน็ต, คาร์-เน็ต, คา-เน่" นี่ก็พยายามอ่านให้ออกสำเนียงปารีเซียง
ป้า-งง
"เท็น ทิกเก็ต, พลีส" จบ ภาษาอังกฤษนี่แหละวะ
ป้า-อ๋อ
อ้าว.... อิหอยหลอด (คำอุทาน ไม่ได้ด่าป้าจ้ะ)  สรุปคืออยู่มา 5 วันภาษาอังกฤษล้วนๆ ก็พอคุยกับชาวปารีเซียงรู้เรื่อง ส่วนภาษาฝรั่งเศสพูดอยู่คำเดียวบองชูว์ๆ แค่นั้นแหละจ้ะ

พอคุยกับป้ารู้เรื่อง ป้าบอกไม่รับเงินสดอ่ะยู การ์ดโอนลี่
ก็หยิบบัตรเครดิตเข้าไปเสียบเครื่อง และรอลุ้นว่าจะใช้ได้ไหม เพราะอย่างที่บอกไปว่าเราไม่มีโค้ดไง
ปรากฏว่าใช้ได้

อ้าว... พันติ๊บหลอกกุอีกละ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น