เราไม่ได้จำกัดงบที่พักไว้ ขอแค่ที่พักพอใช้ได้ในราคาที่พอรับไหวก็โอเคแล้ว
ฟังดูรวยเนอะ ที่จริงคือราคาที่พอรับไหวคือคืนละพันห้าเองจ้ะ
เราพักในปารีสล้วนๆ 5 คืน โรงแรมที่ว่างติดกัน 5 คืน แพงสุด
สุดท้ายเลยแยกพักเป็น 2 ที่
- Au Royal Mad Hotel (118 euro) 2 คืน ห้องน้ำรวม ไม่มีลิฟต์ ก็ลากกระเป๋าขึ้นบนไดเวียนแคบๆ ไป 3 ชั้นสิแก
- Hotel de la Place des Alpes (240 euro) 3 คืน พักชั้น 2 เลยไม่ได้ใช้ลิฟต์ ลากกระเป๋าเหมือนเดิม
ทั้ง 2 ที่เดินจากเมโทรได้ในระยะ 1-2 นาที จนท.เฟรนด์ลี่มาก โอเคประทับใจ
ราคานี้ไม่รวมอาหารเช้าต้องซื้อเพิ่ม อีกคนละ 6 กับ 12 euro
นี่ก็งกจ้ะ ชั้นซื้อจากซุปเปอร์ตอนเย็นมากินตอนเช้าเอา
นี่ก็งกจ้ะ ชั้นซื้อจากซุปเปอร์ตอนเย็นมากินตอนเช้าเอา
ก่อนจะมาปารีส 1 อาทิตย์มีข่าวว่าที่นี่น้ำท่วม ลูฟวร์ปิด Musee d'Osay ก็ปิด เรือล่องแม่น้ำแซนไม่ได้
นี่ก็กังวลว่าแล้วเราจะเที่ยวกันยังไง เราต้องกลายเป็นผู้ประสบอุทกภัยกับเขาด้วยมั้ย
พอก่อนหน้านั้นสัก 2 วันปารีสไม่มีฝนแล้ว น้ำก็เริ่มลด
และวันที่เราไปลูฟวร์เปิดเป็นวันแรกหลังจากที่ปิดมาหลายวันพอดี ดีใจน้ำตาจะไหล
แต่ระดับน้ำยังสูงอยู่ โปรแกรมล่องเรือในลำน้ำแซนเลยต้องงดไปโดยปริยาย
แต่ระดับน้ำยังสูงอยู่ โปรแกรมล่องเรือในลำน้ำแซนเลยต้องงดไปโดยปริยาย
แต่ก่อนอื่นไปเกาะ Cite ก่อนเลย
กลางแม่น้ำแซน จะมีเกาะเล็กๆ อยู่ 2 เกาะ คือ Ile de la Cite กับ Ile Saint Louis
2 เกาะนี้คือต้นกำเนิดปารีส
บนเกาะ Ile de la Cite มีสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญที่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลัก เช่น
- โบสถ์ Cathedrale Notre-Dame de Paris
- โบสถ์ Saint-Chapelle
- วังที่กลายเป็นศาล Palais de Justice de Paris
- วังที่กลายเป็นคุก Conciergerie
- สะพานใหม่แต่เก่าที่สุดอย่าง Pont Neuf
แค่เกาะนี้ที่เดียวก็อยู่ได้เป็นวันๆ
โบสถ์ Saint-Chapelle
สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
พอผ่านประตูเข้าไปชั้นแรกก็จะพบห้องไม่ใหญ่มาก ประดับด้วยกระจกสีๆ ดูธรรมดามาก
ถ้าเดินออกไปคือจบเลยนะ จะไม่พบเจอความสวยของที่นี่
เพราะจะมีบันไดแคบๆ แอบอยู่ข้างๆ ให้ขึ้นไปชั้นที่ 2 และจะพบกับความงามของกระจกสีที่แท้จริง
Conciergerie วังที่กลายเป็นคุก
อยู่ติดกับโบสถ์ Saint-Chapelle กับ Palais de Justice de Paris เลย
ที่นี่เคยเป็นที่คุมขังนักโทษทางการเมือง รวมทั้งพระนางมารี อ็องตัวแน็ต กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มาก่อน
อยู่ติดกับโบสถ์ Saint-Chapelle กับ Palais de Justice de Paris เลย
นี่สนใจอยากดูว่านักโทษทางการเมืองเมื่อก่อนอยู่ยังไง แต่เข้าไปดูแล้วก็เฉยๆ นะ
ห้องคุมขังก็เป็นห้องจำลองที่ทำขึ้นใหม่
แล้วห้องไฮไลต์ก็เป็นห้องของพระนางมารี อ็องตัวเเน็ต แต่น่าจะไม่ใช่ห้องจริงที่เคยอยู่ น่าจะแค่จำลองบรรยากาศให้ดูเฉยๆ
ช่วงสุดท้ายของชีวิตพระนางจบได้ไม่สวยงามเท่าไหร่ ถูกเกลียดชัง ถูกตัดพระเศียรด้วยกิโยติน
แต่หลังจากนั้นก็เอาชีวประวัติพระนางมาหากินกันเนอะ ดูย้อนแย้ง
อย่างของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์มีผลิตภัณฑ์มารี อ็องตัวแน็ตเต็มเลย
ถูกเกลียดชังในยุคนึง แต่เป็นจุดสนใจของคนในอีกยุค
ชีวิตมนุษย์ช่างซับซ้อน
ส่วนความน่าสนใจของ Conciergerie จะเข้ามาดูก็ได้ไม่เข้ามาดูก็ไม่น่าเสียดายอะไร
ห้องคุมขังก็เป็นห้องจำลองที่ทำขึ้นใหม่
แล้วห้องไฮไลต์ก็เป็นห้องของพระนางมารี อ็องตัวเเน็ต แต่น่าจะไม่ใช่ห้องจริงที่เคยอยู่ น่าจะแค่จำลองบรรยากาศให้ดูเฉยๆ
ช่วงสุดท้ายของชีวิตพระนางจบได้ไม่สวยงามเท่าไหร่ ถูกเกลียดชัง ถูกตัดพระเศียรด้วยกิโยติน
แต่หลังจากนั้นก็เอาชีวประวัติพระนางมาหากินกันเนอะ ดูย้อนแย้ง
อย่างของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์มีผลิตภัณฑ์มารี อ็องตัวแน็ตเต็มเลย
ถูกเกลียดชังในยุคนึง แต่เป็นจุดสนใจของคนในอีกยุค
ชีวิตมนุษย์ช่างซับซ้อน
ส่วนความน่าสนใจของ Conciergerie จะเข้ามาดูก็ได้ไม่เข้ามาดูก็ไม่น่าเสียดายอะไร
แต่ไหนๆ มิวเซียมพาสก็เข้าฟรีแล้ว เข้าก็ได้
มหาวิหารน็อทร์-ดามกับจุดกิโลเมตรที่ 0 ของปารีส
ที่จริงเป็นโบสถ์เก่าๆ ทรุดโทรม ไร้การดูแล
จนกระทั่งนิยายเรื่อง The Hunchback of Notre Dame ของ Victor Hugo ที่มีวิหารน็อทร์ดามเป็นฉากหลักของเรื่องดังเป็นพลุแตก ผู้คนก็เลยหันกลับมาสนใจที่นี่และบูรณะจนกลายเป็นมหาวิหารอย่างปัจจุบัน
และที่นี่ยังเป็นจุดหลักกิโลที่ 0 ของปารีส เขาว่าใครได้มายืนจุดนี้จะได้กลับมาเยือนปารีสอีกแหละ
นี่ก็เจอมนุษย์จีนหรือเกาหลีไม่แน่ใจ มุงล้อมหลักกิโลอยู่นานมาก กว่าจะฝ่าผู้คนไปเหยียบได้นี่รอนานเลย
ส่วนด้านบนสามารถเดินขึ้นบันไดขึ้นไปได้ แถวขึ้นด้านบนจะอยู่ด้านข้างๆ ของวิหาร
แต่ตอนเราไปแถวปิดแล้วเลยกะว่าจะมาวันหลัง หารู้ไม่ว่าวันหลังก็ไม่ได้มาแล้ว
ฮือ..กากอยด์
อยากขึ้นไปดูกากอยด์
พอออกจากเกาะ Cite ก็เดินไปลูฟวร์
ที่เดินลัดเลาะตามแม่น้ำไม่ใช่ว่าใกล้อย่างเดียวนะ งกด้วย แค่ 2 สถานีเองเดินไป มีแรงก็เดินไป
อากาศเย็นดี แต่แดดแรงมากจนตาหยี นี่ก็งงกับอากาศ
ยิ่งช่วงที่เราไปพระอาทิตย์ตก 4 ทุ่ม เดินจนร่างแหลกกลับโรงแรม ฟ้ายังแจ้งอยู่เลยจ้า
ที่เอาโปรแกรมลูฟวร์ไว้หลังสุดเพราะวันนี้วันพุธ ทุกวันพุธและวันศุกร์ ลูฟวร์จะปิด 3 ทุ่มครึ่ง
เราไปลูฟวร์ทั้งหมด 3 ครั้ง คือวันพุธ ศุกร์ และเสาร์ ทุกครั้งไปช่วงเย็นๆ แถวสั้นมากไม่เคยเกิน 10 คน
เดินไปถึงต่อคิวสแกนกระเป๋า เสร็จ
ยิ่งมีมิวเซียมพาสนี่เดินเล่นในลูฟวร์เหมือนเดินไปตลาดหน้าปากซอย เพราะฟรีแล้ว เข้า-ออกกี่ครั้งก็ได้
Musee de Louvre
ลูฟวร์ในวันที่พีระมิดหายไป
เป็นโปรเจ็คของศิลปิน ถ้าเกิดว่าที่ลูฟวร์ไม่มีพีระมิด
ลูฟว์เคยผ่านจุดที่เป็นวังหลวงที่รุ่งเรือง ตกต่ำถึงขีดสุดถึงขนาดเป็นที่อยู่ของโสเภณีและคนเร่ร่อน และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์
เคยอ่านเจอว่า ไม่มียุคไหนที่ลูฟว์จะรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ไปกว่ายุคนี้อีกแล้ว
ลูฟร์ บ้านพักของโมนาลิซ่า
ลูฟร์ แบ่งออกเป็น 3โซนคือ
แต่เดินลูฟว์สนุกมาก เพราะของที่จัดแสดงก็สวย จัดวางก็สวย แถมลูฟว์ที่เคยเป็นวังมาก่อนก็สวย
นี่ชอบโซนแกะสลักหินอ่อน มีความพริ้วความงามอยู่ในตัว
เดินได้รอบละ 2 ชม.ก็เหนื่อยแล้ว ถึงชอบแค่ไหนก็เบื่อ ก็ต้องกลับ
กลับถึงโรงแรมตอน 3 ทุ่ม ฟ้ายังแจ้งอยู่เลย
คุณพระ!
ที่เดินลัดเลาะตามแม่น้ำไม่ใช่ว่าใกล้อย่างเดียวนะ งกด้วย แค่ 2 สถานีเองเดินไป มีแรงก็เดินไป
อากาศเย็นดี แต่แดดแรงมากจนตาหยี นี่ก็งงกับอากาศ
ยิ่งช่วงที่เราไปพระอาทิตย์ตก 4 ทุ่ม เดินจนร่างแหลกกลับโรงแรม ฟ้ายังแจ้งอยู่เลยจ้า
ที่เอาโปรแกรมลูฟวร์ไว้หลังสุดเพราะวันนี้วันพุธ ทุกวันพุธและวันศุกร์ ลูฟวร์จะปิด 3 ทุ่มครึ่ง
เราไปลูฟวร์ทั้งหมด 3 ครั้ง คือวันพุธ ศุกร์ และเสาร์ ทุกครั้งไปช่วงเย็นๆ แถวสั้นมากไม่เคยเกิน 10 คน
เดินไปถึงต่อคิวสแกนกระเป๋า เสร็จ
ยิ่งมีมิวเซียมพาสนี่เดินเล่นในลูฟวร์เหมือนเดินไปตลาดหน้าปากซอย เพราะฟรีแล้ว เข้า-ออกกี่ครั้งก็ได้
Musee de Louvre
ลูฟวร์ในวันที่พีระมิดหายไป
เป็นโปรเจ็คของศิลปิน ถ้าเกิดว่าที่ลูฟวร์ไม่มีพีระมิด
ลูฟว์เคยผ่านจุดที่เป็นวังหลวงที่รุ่งเรือง ตกต่ำถึงขีดสุดถึงขนาดเป็นที่อยู่ของโสเภณีและคนเร่ร่อน และกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อถูกปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์
เคยอ่านเจอว่า ไม่มียุคไหนที่ลูฟว์จะรุ่งเรืองและยิ่งใหญ่ไปกว่ายุคนี้อีกแล้ว
ลูฟร์ บ้านพักของโมนาลิซ่า
ลูฟร์ แบ่งออกเป็น 3โซนคือ
- SULLY
- DENON
- RICHELIEU
ซึ่ง 3 โซนนี้เข้ากันคนละทางแต่จะเชื่อมต่อกันเอง
นี่เข้าทาง Sully เดินไปโผล่ Denon สักพักเดินไปโผล่ Richelieu อีกแล้ว จะเดินกลับโซนเดิมก็ไม่ได้ต้องหลงกันต่อไป
ใครมาลูฟว์ครั้งแรกแล้วไม่หลงนี่มีกราบ เป็นนางกำนัลถวายตัวกลับชาติมาเกิดอีกทีรึไง
แต่เดินลูฟว์สนุกมาก เพราะของที่จัดแสดงก็สวย จัดวางก็สวย แถมลูฟว์ที่เคยเป็นวังมาก่อนก็สวย
นี่ชอบโซนแกะสลักหินอ่อน มีความพริ้วความงามอยู่ในตัว
เดินได้รอบละ 2 ชม.ก็เหนื่อยแล้ว ถึงชอบแค่ไหนก็เบื่อ ก็ต้องกลับ
กลับถึงโรงแรมตอน 3 ทุ่ม ฟ้ายังแจ้งอยู่เลย
คุณพระ!